คงปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในปัจจุบันนี้ แทบจะเรียกกันได้ว่าเป็นยุคของสมาร์ทดีไวซ์อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือแท๊บเล็ตที่ล้วนมีให้เห็นกันทั่วไปในทุกๆ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ รถไฟฟ้า ฯลฯ และเมื่อพูดถึงอุปกรณ์เหล่านี้ คงเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงจุดเด่นอย่างเรื่องของ “แอพพลิเคชัน” ไม่ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่คงส่วนใหญ่ที่ซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มาใช้คิดถึง และมันยังทำให้การใช้งานของอุปกรณ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หันมามองกันอีกฟากหนึ่ง อย่างเครื่องเล่นเกมพกพา ซึ่ง ณ วันนี้แทบจะพูดได้ว่า หมดยุคเรืองรองของอุปกรณ์เหล่านี้ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Sony หรือ Nintendo เอง ก็ต้องสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดของเกม ไปให้โทรศัพท์อย่างสมาร์ทโฟนและแท๊บเล็ตอย่างเลี่ยงไม่ได้ แถมตัวเลขยังมีแนวโน้มไปทางที่ทั้งสองค่ายเกมยักษ์ใหญ่ต้องกุมขมับเสียด้วย ถึงเวลาหรือยังที่ทั้งสองบริษัทต้องปรับตัว เพื่อที่จะอยู่รอดในตลาดเกมได้ต่อไป…
ตัวเลขของตลาดเกมสหรัฐฯ แสดงภาพสัดส่วนรายได้ โดยนับแต่ปี 2009 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าแนวโน้มของสมาร์ทโฟน โดยเน้นหนักไปที่สองระบบปฏิบัติการยักษ์ใหญ่อย่าง iOS และ Android OS นั้นมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ จนปีล่าสุดรายได้จากตลาดเกมของสมาร์ทโฟนนั้น เกินครึ่งหนึ่งของตลาดรวมไปเสียแล้ว
ในขณะที่ตัวเลขของทาง Nintendo นั้นมีแนวโน้มที่ตกลงอย่างน่าใจหาย จากปี 2009 ที่ครองส่วนแบ่งรายได้มากถึงร้อยละ 70 กลับตกลงกว่าครึ่งหนึ่งในปีล่าสุด ส่วน Sony ซึ่งเป็นผู้ตามอยู่แล้ว แม้จะโดนผลกระทบไม่มาก แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาแทบจะไม่เหลือที่ยืนอยู่ในตลาดเกมอยู่แล้ว
แน่นอนว่าทั้งสองบริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ Nintendo นั้นเริ่มเบนเข็มจากตลาดเกมคอนโซลปกติ โดยเริ่มเน้นเรื่องของ Social Online Game มากขึ้น โดยล่าสุดพวกเขาก็มี “Wii U” ที่เริ่มควบเอาเกมออนไลน์แบบ Social มาไว้ด้วยกันแล้ว ในขณะที่ทาง Sony เองก็เตรียมเข็น Sony PlayStation Vita ที่จะเน้นความสามารถในการเชื่อมต่อออกสู่โลกออนไลน์ได้ มาสู้กันในตลาดด้วย
นอกจากนี้เชื่อว่าทั้งคู่ยังเตรียมงัดไม้เด็ดออกมาอีก เพื่อเรียกศรัทธาคืนจากตลาดเกมอย่างแน่นอน แต่จะเป็นอะไรเราคงต้องมาติดตามต่อกัน แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ คิดว่ากลยุทธ์ไหนจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทฟื้นและลุกขึ้นชนกับตลาดสมาร์ทโฟนได้อีก…มาแชร์ไอเดียกันครับ ^^