หลังจาก Facebook ปล่อยปุ่มแสดงอารมณ์ที่หลากหลายมากขึ้นมาให้เราได้ใช้กัน คำถามที่น่าสนใจคือมันถูกใช้มากน้อยแค่ไหน และสำหรับแบรนด์ต่างๆ มันมีความหมายอย่างไร นั่นคือที่มาของการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้ Facebook และปุ่ม Reaction ชิ้นนี้
จากการศึกษาโพสต์บน Facebook จากแบรนด์ดัง 10 อันดับแรก ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์จนถึง 5 มีนาคม ซึ่งโพสต์เหล่านั้นเป็นของแบรนด์ต่างๆ ดังนี้ Nissan, Mini Babybel, Bertolli, Windex, LG Mobile, Giorgio Armani Beauty, Arby’s, Rebel’s Market, Little Things.com, และ US Cellular.
จากภาพ จะเห็นว่าโพสต์ของ Nissan มีภาพรวมของการกดไลก์มากกว่า 92,00 ร่วมกับการแสดงอารมณ์อื่นๆ แต่เมื่อลงมาดูรายละเอียดแล้ว จะเห็นว่า Facebook บันทึกไว้แค่ 12,000 เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกโพสต์ที่มียอด Reaction โดยรวมมากกว่า 10,000 แต่สรุปแล้วก็มีจำนวนไลก์มากกว่าการแสดงอารมณ์แบบอื่นๆ อยู่ดี
ข้อมูลจากการสำรวจในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า 93% ของการปฏิสัมพันธ์กับโพสต์คือ Like ในขณะที่ Love ถูกใช้ 4.6%
เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดำดับของปุ่มที่ถูกเรียงไว้ในแถบ Reaction แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อสันนิษฐานที่ถูกต้อง เพราะเมื่อมาดูที่ Wow จะเห็นว่าถูกใช้มากกว่า Haha
คาดว่าสาเหตุที่ทำให้คนไม่ใช้ปุ่ม Reactions อื่นๆ น่าจะเป็นเพราะ
- ต้องใช้เวลาในการกดค้างไว้และกวาดนิ้วโป้งไปทางขวาเพื่อใช้งานปุ่มแสดงอารมณ์ต่างๆ เมื่อเทียบกับการกดไลก์ที่ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่แตะหน้าจอเพียงครั้งเดียว ยังไงคนก็เลือกใช้ปุ่มไลก์มากกว่า
- นอกจากนี้ การแตะหน้าจอเพื่อกดไลก์ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยชิน เป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมจำนวนไลก์ยังมากกว่าอารมณ์อื่นๆ
หรือจริงๆ แล้วผู้ใช้งานทุกคนยังต้องการเวลาอีกนิดเพื่อที่จะทำความคุ้นเคยกับการใช้ Reactions? ทีมงานที่ศึกษาเรื่องนี้ก็เลยขุดลงไปให้ลึกอีกนิดในประเด็นดังกล่าว โดยเลือกโพสต์ดังจากแบรนด์ต่างๆ 10 อันดับแรกในช่วงวันที่ 6 – 15 มีนาคม ซึ่งทั้งหมดได้แก่ Frost, Nissan, Hillshire Snacking, Rebel’s Market, Samsung Mobile USA, Philadelphia Cream Cheese, Fresh Step Litter, Disney Cruise Line, IHOP และ Portillo’s
ทีมงานคาดว่าจะได้เห็นการใช้งานปุ่ม Reactions มากขึ้น แต่ก็ยังพบว่ามันเหมือนเดิม ซึ่งก็แปลว่าการสุ่มช่วงเวลาเพื่อสำรวจเรื่องนี้คงไม่ใช่ประเด็น เพราะตัวเลขจำนวนการใช้งานนั้นโกหกไม่ได้อยู่แล้ว
ทีมงานสรุปว่าผู้ใช้อาจจะต้องการเวลามากกว่านี้ สำหรับการใช้ปุ่ม Reactions จนติดเป็นนิสัย แต่ถึงยังไงมันก็เป็นฟีเจอร์ที่เกิดขึ้นแล้ว และถึงแม้ว่า Facebook จะยังไม่นำเอาปุ่ม Reactions มาใช้ในระบบ Analytics แต่ก็คงไม่นาน เชื่อว่าอีกสักพักมันน่าจะกลายมาเป็นหนึ่งในเกณฑ์ชี้วัดความสำเร็จในระบบหลังบ้านที่คนทำคอนเทนต์ นักการตลาด นักโฆษณา และแบรนด์ต่างๆ ต้องให้ความสนใจ
หลายๆ แบรนด์ในตอนนี้ก็เริ่มปล่อยแคมเปญที่ต้องเล่นกับปุ่ม Reactions ออกมาแล้ว และสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปุ่ม Reactions ก็คือ มันช่วยให้ธุรกิจมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้า หรือลูกค้าในอนาคต นำไปสู่การกำหนดกลยุทธ์ที่ดีกว่าเดิม
ที่มา : Adweek