วันแม่ 2558 กับมหกรรมคลิปวิดีโอบอกเล่าเรื่องราวของแม่จากแบรนด์ไทย

charathBank

9 years ago

เดือนสิงหาคมของทุกปี เป็นอันรู้กันสำหรับคนไทยว่าเป็นช่วงเวลาของเทศกาลวันแม่ ซึ่งโดยปกติในแง่ของการสื่อสารแบรนด์บนโลกออนไลน์ เราจะเห็นแบรนด์ต่างๆ เข็นแคมเปญต่างๆ มานำเสนอให้คนออนไลน์ได้เล่นกัน แต่ปีนี้ 2558 สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นการนำเสนอที่ไม่ใช่แคมเปญ แต่กลับเป็นการใช้วิดีโอมาบอกเล่าเรื่องราว และมีจำนวนไม่ใช่น้อยๆ เลย

คนอร์, เทสโก โลตัส, แมกโนเลีย, ซีพี, เคเอฟซี, บาร์บีคิว พลาซ่า, กรุงเทพประกันชีวิต, โรซ่า, ธนาสิริ รายชื่อเหล่านี้คือแบรนด์ที่มีการเล่าเรื่องแม่ (credited by Ponvipas T.) เลยเป็นที่มาของบทความที่ทดลองจับสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นมาเรียบเรียงเป็นหัวข้อมาให้ได้อ่านกันครับว่าส่วนตัวผมแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

คำออกตัว: บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากการสังเกตตั้งแต่คลิปแรกเริ่มมีการแพร่ภาพจนถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2558 คลิปใหม่ๆ อาจจะไม่ได้เอามาพิจารณาในบทความนี้ โดยอาจมีการอัปเดทหากมีสิ่งใดที่อยากร่วมแสดงความเห็นหรืออยากจะเสริม ในฐานะผู้เขียนอยากมากๆ ที่จะได้ฟังความเห็นจากผู้อ่าน เพราะมุมมองของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

“แม่”

เรื่องแม่นับเป็นเรื่องที่คนเข้าถึงง่ายที่สุด เข้าใจง่ายที่สุด และร้องไห้ง่ายที่สุด เพราะทุกคนมีแม่ จึงเป็นช่วงที่สามารถเล่าเรื่องและบิดเรื่องให้เข้ากับหัวข้อได้ง่ายและแตะใจคนดูมากที่สุด

เปิดตัวกันเร็ว

เรื่องราวเกี่ยวกับแม่มีการปล่อยเป็นวิดีโอออกมาก่อนช่วงวันแม่ถึง 1 เดือน (คนอร์ เมื่อปิ่นโตออกเดินทาง 10 ก.ค. 2558) จนมาช่วงใกล้ๆ ถึงวันแม่เริ่มมีความถี่เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน 12 สิงหาคม Timing ในการเผยแพร่เป็นหนึ่งสิ่งที่เป็นกลยุทธที่เหล่าแบรนด์เลือก

Video’s Time!

เมื่อก่อนจะมีแอปเล่นบนออนไลน์และทำให้มาเป็น Content แต่ ณ เวลานี้ วิดีโอกลายเป็นรูปแบบของ Content ที่ถูกนำมาเสนอ ด้วยความที่สามารถใส่รายละเอียดและสามารถแสดงความรู้สีกได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเริ่มมีการเทงบในการใช้เรื่องนี้ ความยาวมีตั้งแต่ 2 นาที จนเกือบ 10 นาที

อาหารการกิน

แบรนด์ที่หันมาเล่นสงครามวิดีโอครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอาหารและการกินแทบทั้งนั้น ทั้งนี้ก็อาจเพราะหากเรานึกถึงแม่ เราจะนึกถึงฝีมือการทำอาหารแม่ เป็นส่วนใหญ่นะครับ เป็นส่วนใหญ่

Storytelling เล่าเรื่อง+เรื่องเล่า(ไม่เช้านี้)

เส้นเรื่องที่เราได้เห็นจากความเป็นแม่ ถูกเล่าออกมาในประเด็นที่หลากหลาย แต่โดยมีพื้นฐานคือความรักที่มีจากแม่ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก พร้อมกับคำถามที่ถามกลับไปว่าลูกนั้นทำได้หรือจำสิ่งนั้นได้ไหม

ความ Real

เราเห็นกันมานานแล้วว่า เมื่อมีคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ภาพ เรามักจะเจอว่าเนื้อหาในวิดีโอถูกสร้างมาจากเรื่องจริง แต่ครั้งนี้เราเห็นอีกมุมนึงที่บางแบรนด์เลือกใช้ นั่นคือ ความ Real ของเรื่องโดยใช้คนจริงๆ มาเล่าผ่านการ Candid สิ่งที่เราจะได้คือความรู้สึกสมจริงกว่าการใช้คนมาแสดงแทนหลายเท่านัก แถมยังมีพลังมากกว่าจะเอาคนอื่นมาเล่าเรื่องของเจ้าตัวเอง เพราะเขาสามารถสื่อความรู้สึกที่เขารู้สึกได้ออกมาจริงๆ (ตัวอย่างคือ Bar B Q Plaza)

นอกจากนี้มีทำ extended version ที่แยกออกมาเพื่อให้เจาะลึกเรื่องราวที่อยู่นอกเหนือจากการเล่าในคลิปวิดิโอให้ได้วิตามินมากกว่าเดิม อย่างเช่นของ Tesco Lotus

ไร้เสียงสนทนา

เราคงจะนึกถึงการสื่อสารด้วยภาษาท้องถิ่นกันเป็นปกติเพราะมันชัดเจนในการบอกเล่า แต่ก็มีแนวทางในการเล่าเรื่องผ่าน Text ซึ่งจะเน้นการสื่ออารมณ์ของผู้แสดงอย่างชัดเจน เพราะการไม่พูดก็สามารถบอกอารมณ์ของเราได้อย่างชัดเจนเช่นกัน และทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ได้ไม่วอกแวก ผนวกกับการใช้ Score หรือดนตรีประกอบ ช่วยกระตุ้นอารมณ์ร่วมให้กับคนที่ชมได้อย่างดี ไม่ต้องมีเสียงพูด

จริงๆ ถ้าปีก่อนมีตัวอย่างรูปแบบอย่างนี้เช่นโฆษณาวาโก้ ที่เป็นการให้ผู้ชายแสดง

คลิปมากันมากมายแบบคราบน้ำตาไม่ทันแห้ง

ด้วยความที่ปีนี้แบรนด์แห่กันทำเยอะขึ้น ดังนั้นมันจึงมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบเล็กๆ ที่จะมีคนทำออกมาก่อน ในแง่นึงใครปล่อยก่อนก็ถือว่าต่อยก่อนได้เปรียบ ทำให้ Life Time ของวิดีโอและการพูดถึงมีเวลาก่อน แต่การต่อยก่อนได้เปรียบก็มีสิ่งที่ต้องคิดต่อเพราะแบรนด์จะต้องมีหมัดชุดหลังนั่นคือเงินหรือ Media ที่ต้องซื้อเพื่อเลี้ยงให้ Content นั้นยังคงอยู่ ไม่ให้โดนคนปล่อยทีหลังมาดังกว่าหรือไม่ให้กระแสมันแห้งหายไปหรือโดนกลบไป

ทั้งหมดอยู่ที่การวางแผน แต่แกนของมันก็ไม่พ้นเรื่องราว, วิธีการ รวมทั้ง Production ที่จะทำให้คนจำได้ และมีลมใต้ปีกในชื่อ Media ที่จะเอามาช่วยผยุงให้สิ่งที่แบรนด์ทำยังคงอยู่และวนเวียนได้บนออนไลน์และอยู่ในใจของผู้ชม

และท้ายที่สุดคือ Content ถ้าไลน์ของเรื่องมันไม่ใช่ เข็นยังไงก็ไม่ขึ้นอยู่ดีนะครับ

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเห็นครับ ทิศทางของโฆษณาและการนำเสนอในช่วงวันแม่ปีนี้ เราเห็นวิดีโอคือตัวเลือกแรกที่คนเลือกจากเดิมที่จะเห็นแอป เราเห็นชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่จัดจ้านมากขึ้น เราเห็นแบรนด์ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เราเห็นแนวโน้มการเล่าเรื่องที่แตะ Consumer Insight โดนแบบหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็จะเห็น creativity ในการนำเสนอมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดก็อย่าลืมนึกถึงพระคุณแม่ รักคุณแม่ ทำทุกอย่างให้คุณแม่มีความสุข ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไปครับ 🙂