การปรับองค์กรเป็นดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น จะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ต้องมีการเดินหน้า data transformation อย่างจริงจัง ยกตัวอย่าง startup ในยุคนี้ที่เกิดขึ้นมากมายได้ เพราะเอาข้อมูลมาปั้นให้เกิดสินค้าและบริการ จนเกิดการค้าขาย และลงทุนด้านเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเหมาะสมถึงเรียกว่าเป็นธุรกิจที่เกิดมาเพื่อเดินหน้า digital transformation อย่างแท้จริง
Multi Cloud กำลังมา
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ กล่าวว่า ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ถูกมองว่าเป็น data ที่สำคัญและปริมาณการโต 300% แบบปีต่อปี ยิ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจต่างมองเห็นความสำคัญของการนำข้อมูลมาพัฒนาเป็นสินค้าและบริการใหม่ๆ รวมทั้งการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้บนคลาวด์เพื่อสร้างความแตกต่างในธุรกิจ
ตั้งแต่ปี 2000-2016 ภาคธุรกิจต้องลงทุนทุกอย่างเอง และมีการทำแบบ Vertualization เป็นบางส่วน และก็มาถึงจุดเปลี่ยนในยุค 2016 ซึ่ง คลาวด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นโซลูชั่นใหม่ของวงการไอที ซึ่งคำถามในตอนนี้ไม่ควรเป็นธุรกิจควรไปคลาวด์หรือเปล่า แต่ควรมองว่าจะไปอย่างไรให้เหมาะสม ไม่มีใครลงทุนไอทีแบบ 100% อีกแล้ว ทั้งบนคลาวด์หรือการเก็บดาต้าแบบองค์กร แต่ต้องใช้แบบผสมผสาน
“จากผลการสำรวจของบริษัทชี้ว่า มีองค์กรอย่างน้อย 1 รายใน 80% ที่ใช้ Multi Cloud เพราะต้องการทำตามความพอใจและลงทุนตามความรู้สึกของตนเอง”
ในยุคแรกถือว่าคลาวด์เป็นทางเลือก เพราะทุกอย่างต้องลงทุนเอง ตั้งแต่เริ่มซื้อ access มาทำ แต่ตอนนี้ผู้ให้บริการต่างก็ปรับการให้บริการเป็นแบบ pay per use เพราะธุรกิจมองว่าตอนนี้เป็น time to market ให้บริษัทแข่งขันได้ เทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของคลาวด์ต้องปรับเปลี่ยนได้เร็วและใช้เวลาในการทำงานน้อยลง การโอนย้ายข้อมูลจากเป็นสัปดาห์เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นในหลักชั่วโมงต้องโอนย้ายได้เสร็จ
ทั้งนี้ NetApp ในช่วงหลายปีมานี้ มีการเติบโตแบบเลขสองหลักต่อเนื่อง โดย IDC ยกให้เป็น market leader Flash storage เชื่อว่าปีนี้ก็จะต่อเนื่อง ทางด้านการให้บริการบริษัทมองเป็น 2 ส่วน คือ มีทั้งขายผ่าน Partner และ ร่วมกับผู้ให้บริการ เพื่อเป็นแนวทางในการเติบโตใหม่ๆ เพราะตลาดคลาวด์ยังมีทางเลือกให้บริการได้อีกหลากหลายซึ่งในอนาคตอาจจะมีสัดส่วนบริการสูงขึ้น โดยลูกค้าก็ยังมองบริการด้าน Hybrid และ Solution มากขึ้น จึงขายบริการแบบเดิมไม่ได้ ซึ่งรายย่อยจะกล้าลงทุนคลาวด์ได้ดีกว่าองค์กรใหญ่ อาจเพราะขั้นตอนน้อยกว่าและรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ๆ ได้ดีกว่า
นายวัลล์ชัย เวชชีวะดำรงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบริการจัดเก็บและบริหารข้อมูลบนคลาวด์ เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจในประเทศไทย ภพรวมตลาดคลาวด์ของไทยโต 15-20% ทุกปี ด้านการเติบโตของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% ทุกปี ทำให้ในปีหน้าบริษัทจะให้บริการคลาวด์ในรูปแบบแพลตฟอร์มมากขึ้น
เตรียมพร้อมมาตรฐาน GDPR
เรื่อง GDPR นั้น ยังไม่มีการตระหนักมากนักในไทย แต่เชื่อว่าภาคการค้ากับการเงินจะให้ความสำคัญก่อน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวของผู้บริโภค ซึ่งในต่างประเทศถือว่าเป็นมาตรฐานสำคัญหลักในการให้บริการเลย ซึ่งในฐานะผู้ให้บริการ Inet มีการเตรียมความพร้อมแล้ว เพื่อให้ธุรกิจที่ต้องการขยายฐานไปยังฝั่งยุโรปเดินหน้าได้แบบไม่ต้องกังวล
“ถ้าธุรกิจมีข้อมูลที่ต้องเก็บก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเอาไปใช้ในการทำการค้าอาจต้องเพิ่มเงื่อนไขเรื่องการให้บริการเพื่อความน่าเชื่อถือ ยิ่งข้อมูลที่เป็น Data Privacy และ Big Data เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการโดนโจมตี ต้องควบคุมให้ดี”
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่อง GDPR ในไทยจะตื่นตัวขึ้นก็ต่อเมื่อมีกระแสเรียกร้องรุนแรงในโซเชียลมีเดียหรือภาครัฐออกมาตรการที่ชัด บริษัทก็สามารถให้บริการได้เลย
นอกจากนี้ เทรนด์ที่จะใช้งานแบบ MultiCloud จะมีมากขึ้น ตอนนี้ยังหลากหลายแบบไม่มีทิศทาง โดยบริการที่ลูกค้าใช้งานกันมากขึ้น คือ
- VM as a service อันนี้ได้รับความนิยมสูงสุด
- back up as a service แง่ธุรกิจก็ใช้งานกัน เพราะมีข้อมูลที่ต้องการใช้งานและเก็บไว้นาน ต้องเอามาแปลงเป็นดิจิทัล
- Big Data เอาข้อมูลที่หลากหลายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
มูลค่าตลาดของคลาวด์เพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตแบบเฉลี่ย 15-20% ทุกปี ยิ่งมีโอกาสของธุรกิจด้านอุปกรณ์เติบโตเพิ่มขึ้นแสนกว่าล้านบาท ประกอบกับยอดขายของ Distributor ที่เติบโตขึ้นหลักแสนกว่าล้านบาท เพราะมีการซื้อคลาวด์ทุกปี มีทั้งใช้งานภายในองค์กรและสร้างบริการใหม่ๆ ให้ลูกค้า ถ้าประชาชนยิ่งโหลดอุปกรณ์ใช้งานเยอะ ยิ่งทำให้คลาวด์มีโอกาสโตสูงขึ้นซึ่งการโหลดข้อมูลขึ้นไปแบบนี้มีการเติบโตขึ้น 10-15% ทำให้บริษัทมีหลายด้านจากส่วนนี้ 1,500 ล้านบาทแล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้ยอดรายได้อาจจะมีทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน
ทางด้านบริการใหม่ที่ร่วมกับ NetApp ถือว่าเป็นความร่วมมือที่ต่อเนื่อง คือ INET S3 Service อยู่ภายใต้บริการ INET FlexPod Cloud คลาวด์โซลูชั่นระดับเวิลด์คลาส ที่รวมสุดยอดเทคโนโลยีจากผู้ให้บริการระดับโลกในการพัฒนาโซลูชั่นการให้บริการคลาวด์ โดย INET S3 Service เป็นบริการในส่วนของพื้นที่ Cloud Storage เพื่อเก็บข้อมูลและใช้งานข้อมูลได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่าน Protocol S3 ที่มีระบบการเข้ารหัส (encryption) และระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่า เหมาะสำหรับการใช้เก็บ Log file ต่างๆ ไฟล์เอกสาร เช่น Word, Excel, PowerPoint, PDF, Image File, ไฟล์ Multimedia, ไฟล์ที่ต้องการการเข้าถึงแบบเรียงลำดับ (Sequential) รวมถึงการใช้ Backup ข้อมูลที่ต้องการเก็บไว้เป็นระยะเวลานาน