กลายเป็นธุรกิจ OTT ที่ครองใจคนทั่วโลกได้แล้ว สำหรับ Netflix ที่เพิ่งเปิดเผยรายได้และข้อมูลสำคัญประจำไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ระบุว่าทำรายได้กว่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยมีสมาชิกที่ “จ่าย” ค่าบริการทั่วโลกถึง 148 ล้านราย ซึ่งจำนวนสมาชิกพุ่งขึ้นสูงมากถึง 9.6 ล้านรายเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลและสถิติทั้งหมดในครั้งนี้ มาจากการให้รายละเอียดแก่นักลงทุนในเว็บไซต์ เอกสารประกอบและคำพูดของทีมบริหารของทาง Netflix เอง โดยสรุปออกมาเป็นข้อมูล ดังนี้
คอนเทนต์ที่คนทั่วโลกชอบ
- จำนวนสมาชิกทั่วโลก 148 ล้านราย เพิ่มขึ้น 9.6 ล้านราย หรือ 16% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น สมาชิกในสหรัฐอเมริกา 1.74 ล้านรายและประเทศอื่นๆ 7.86 ล้านราย
- คอนเทนต์จากประเทศในเอเชียได้รับความนิยมสูงมาก เช่น ซีรีส์เกาหลี Kingdom เป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตั้งแต่ซีซั่นแรก
- มีสมาชิกในครอบครัวกว่า 45 ล้านครอบครัวที่ชมซีรีส์ Umbrella Academy ภายในสี่สัปดาห์แรกที่เปิดให้ชม
- Triple Frontier ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่มีผู้ชมมากถึง 52 ล้านครอบครัวในช่วงสี่สัปดาห์แรกที่นำออกฉาย
- The Highwaymen นำแสดงโดย เควิน คอสต์เนอร์ และ วูดดี แฮร์เรลสัน มีผู้ชม 40 ล้านครอบครัวในเดือนแรกตามที่คาดการณ์ไว้
- เรื่อง Our Planet ซึ่งเป็นสารคดีธรรมชาติ ก็กำลังจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในซีรีส์สารคดีระดับโลกที่ประสบความสำเร็จที่สุดคาดว่าจะมีจำนวนผู้ชมมากกว่า 25 ล้านครัวเรือนภายในเดือนแรกที่เปิดตัว
- ส่วน You vs Wild ซีรีส์ใหม่แนวอินเทอร์แอคทีฟดึงดูดผู้ชมราว 25 ล้านคนให้ร่วมสนุกภายใน 28 วันแรกหลังจากเปิดตัว
นอกจากนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ซีรีส์ใน Netflix ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmys มากที่สุด และยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มากเป็นอันดับที่ 2 โดย อัลฟอนโซ คัวรอน (Alfonso Cuarón) และรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมจากเรื่อง Roma ซึ่งชนะรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมอีกด้วย
กลยุทธ์ปีนี้
สำหรับการเดินทางของ Netflix ในปีนี้ จะมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการระบบต่างๆ 10 รายทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าหน้าใหม่มากขึ้น
และในไตรมาสที่ 2 จะมีการทดลองระบบ Top 10 lists สำหรับคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดประจำสัปดาห์ เพื่อให้ผู้ชมตัดสินใจเข้าชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยจะเริ่มทดลองในสหราชอาณาจักรเป็นที่แรก
ส่วนการเปิดตัวบริการวีดีโอสตรีมมิ่งของ Apple และ Disney นั้น ทาง Netflix ยืนยันว่า ไม่กระทบกับธุรกิจของบริษัท เพราะยังมีโอกาสอีกมากในความต้องการรับชมทีวีและภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ
การตอบสนองความต้องการรับชมของ Netflix นั้น ยังเป็นสัดส่วนที่เล็กน้อย และชั่วโมงการรับชมทีวีสตรีมมิ่งของ Netflix ยังเป็นเพียง 10% ของการรับชมทีวีทั้งหมด ซึ่งการรับชมคอนเทนต์ของ Netflix ผ่านอุปกรณ์อินเทอร์เน็ต เป็นเพียง 2% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมากในหลายประเทศที่จะรับชมผ่านสมาร์ทโฟน
ทีมบริหารเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม Kelly Bennett ซึ่งเป็น CMO ของบริษัทก็จะเกษียณในปีนี้ หลังจากทำงานร่วมกันมากว่า 7 ปี โดยเคลลี่ ถือว่าเป็นคนที่ช่วยให้บริษัทมีการขยายตัวออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้น รวมทั้งดึงคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาสู่แพลตฟอร์ม จนเป็นที่รู้จักและเติบโตได้อย่างทุกวันนี้ ซึ่งทาง Netflix กำลังค้นหา CMO รายใหม่ เพื่อขึ้นมาแทนเคลลี่ โดยช่วงนี้ Ted Sarandos จะช่วยดูแลงานด้านนี้ไปก่อน
กระแสเงินสดยังดีอยู่
ทางด้านเม็ดเงินที่ใช้ไปในด้านการดำเนินงานทั้งหมดของช่วงไตรมาสที่ 1 นี้ ใช้ไป 380 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปีที่แล้ว ใช้ไปเพียง 237 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยทางบริษัทยังมีเงินหมุนเวียนอีกกว่า 460 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าปีที่แล้ว ที่มีเพียง 287 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับเงินรายได้และกระแสเงินสดที่มีนั้น เราจะนำไปใช้ในการลงทุนผลิต Original Content ให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกที่สนใจคอนเทนต์ที่แตกต่างกันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งและยอมจ่ายเงินค่าคอนเทนต์เหล่านี้
แม้ว่า Netflix จะมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะขาดดุลเรื่องเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากภาวะด้านภาษีและการปรับโครงสร้างองค์กร การลงทุนด้านต่างๆ ที่จำเป็น แต่ก็ยังเชื่อว่ายังมีเงินมากพอที่จะใช้หมุนเวียนในปีหน้าด้วย
ในแต่ละปี สิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาจากฐานสมาชิกเป็นหลัก และเมื่อไม่นานมานี้ ทางนักลงทุนก็ได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น 750 ล้านเหรียญสหรัฐ (ซึ่งยังไม่ได้เบิกถอน) ถือว่าเป็นวงเงินที่เพิ่มขึ้นและขยายเวลาใช้คืนจากปี 2022 เป็นปี 2024 ทำให้บริษัทมีวงเงินสำรองมากขึ้นด้วย