Netflix เปิดผลประกอบการไตรมาสสอง เสียจำนวนลูกค้าไป 970,000 ราย ต่ำกว่าที่คาดการไว้ที่ 2 ล้านราย สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนหุ้นดีดทันที 12%
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากซีรีส์ ‘Stranger Things’ ซีซันที่ 4 ซีรีส์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ลูกค้าลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยในช่วง 4 สัปดาห์แรกมีผู้ชมกว่า 1.3 พันล้านชั่วโมง
ด้านกำไรของ Netflix อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.3 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สำหรับรายได้รวมเพิ่มขึ้นประมาณ 8.6% เทียบปีเป็นรายปี อยู่ที่ 7.9 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่ดีกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ทำให้ Bloomberg รายงานว่า หุ้นเพิ่มมากถึง 12% ในการซื้อขายระยะยาว โดยราคาเพิ่มขึ้นสูงถึง 225 ดอลลาร์ต่อหุ้น ก่อนจะปิดที่ 201.63 ดอลลาร์ในนิวยอร์กเมื่อวันอังคาร (19 กรกฎาคม) อย่างไรก็ตามในภาพรวมราคาหุ้นลดลงถึง 67% ในปีนี้
แผนเร่งรายได้และจำนวนสมาชิก
Netflix ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 220.67 ล้านคน กล่าวว่า คาดว่าจะสามารถเพิ่มสมาชิกใหม่ได้ราว 1 ล้านรายในไตรมาสที่ 3 กำลังเตรียมแผนเพื่อเร่งรายได้และการเติบโตของสมาชิกอนาคต
โดย Netflix ได้การจับมือกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ให้เข้ามาดูแลเรื่องการขายโฆษณาให้กับทางบริษัท คาดว่า Netflix มีแผนจะเปิดตัวแพ็กเกจราคาประหยัดที่มีโฆษณาหรือมีคอนเทนต์ที่จำกัดออกสู่ตลาด
นอกจากนี้บริษัทได้มีการทดสอบแนวทางใหม่ เพื่อเก็บค่าบริการเพิ่มแล้วในประเทศแถบละตินอเมริกา เช่น หากพบว่ามีการใช้แอคเคาน์เดียวกันในบ้านคนละหลังนานเกินสองสัปดาห์ ทาง Netflix ก็จะส่งแจ้งเตือนไปยังแอคเคาน์หลักเพื่อชวนให้จ่ายค่าบริการเพิ่มราว 110 บาท
การทดสอบและแผนต่างๆ ยังไม่มีบทสรุป แต่คาดว่า Netflix จะเร่งทำระบบและเปิดใช้งานภายในต้นปีหน้า
ที่มา