ปัจจุบัน แอปธนาคารมีความสามารถที่ไปไกลกว่าที่หลายคนเคยคิดไว้ จากแต่ก่อนที่ทำได้แค่โอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล แต่ตอนนี้โมบาย แบงกิ้งเป็นแอปที่สนุกกว่านั้น และมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น และนี่เป็นเป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยที่จะทำให้ K PLUS เป็นมากกว่าแค่แอปธนาคาร แต่เป็นแอปที่จะอยู่ในชีวิตของลูกค้า และทำทุกอย่างได้จบในแอปเดียว
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า แพลทฟอร์มของ K PLUS ใช้งานมาแล้วกว่า 5 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าใช้งาน K PLUS มากกว่า 61% ของลูกค้าธนาคารทั้งหมด 15 ล้านราย ในด้านปริมาณการใช้งาน แค่ภายในเดือนกันยายน 2561 มีจำนวนธุรกรรมผ่าน K PLUS สูงถึง 3,6345 ล้านรายการ ซึ่งมากกว่าปี 2560 ทั้งปี นับได้ว่ามีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งจำนวนลูกค้าและปริมาณธุรกรรม
ธนาคารจึงพัฒนาศักยภาพของ K PLUS ใหม่ พร้อมกับนำเสนอฟังก์ชันด้านไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งานเป็นรายบุคคล (Personalization) ด้วยนวัตกรรม KADE ซึ่งเป็น AI ที่ใช้ใน K PLUS ทางด้านของคอนเซปต์ของการเปลี่ยนในครั้งนี้ คือ “เปลี่ยนเพื่อรู้ใจขึ้น”
เปลี่ยนให้รู้ใจ
การเปลี่ยนใหม่แบบยกแผงของ K PLUS นั้น สามารถสรุปได้เป็น 3 เรื่องหลักๆ คือ
- เปลี่ยนโลโก้ K PLUS ใหม่ และหน้าตาและการจัดวางเมนูการใช้งานใหม่ เพื่อให้ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิทัล
- ปุ่มธุรกรรม รวมปุ่มโอนเติมจ่ายและอื่นๆ ให้อยู่ในปุ่มเดียว ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น
- พัฒนาฟังก์ชันการใช้งานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละบุคคล (Personalization) โดยการนำข้อมูล (Big Data) มาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ทำให้นำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนฟังก์ชันที่ใช้บ่อยได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคน
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีการวางเป้าหมายและกลยุทธ์ของ K PLUS อีก 3 ด้าน ได้แก่
- เพิ่มสัดส่วนการใช้งานฟังก์ชันไลฟ์สไตล์ของ K PLUS อีก 5-10% ภายใน 1 ปี
ปัจจุบันฟังก์ชันที่ลูกค้านิยมใช้มากที่สุดคือ รายการโอน-เติม-จ่าย คิดเป็น 125 ล้านรายการต่อเดือน ในขณะที่ฟังก์ชันไลฟ์สไตล์ที่มีอยู่ใน K PLUS แล้ว ยังมีปริมาณการทำธุรกรรมที่น้อยกว่าที่คาดหมาย ซึ่งมีจำนวนธุรกรรมรวม 500,000 รายการต่อเดือน หรือน้อยกว่า 1% ของรายการโอนเติมจ่าย โดยธนาคารวางแผนพัฒนาฟังก์ชันใหม่ที่ให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้มากกว่าการโอนเติมจ่าย และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการใช้งานมากขึ้น และเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5-10% ภายใน 1 ปี
- K PLUS เป็นช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงบริการผลิตภัณฑ์ด้านการเงินของธนาคาร ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการด้านการเงินต่างๆ ผ่าน K PLUS ได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น ฟังก์ชันถอนเงินโดยไม่ใช่บัตร ซื้อกองทุน
โดยเฉพาะบริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่เปิดให้บริการมา 8 เดือน ช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนขนาดเล็ก (Micro Finance) ให้กับลูกค้าทั่วไปและผู้ประกอบการรายย่อย มีส่วนผลักดันให้ภาพรวมยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อส่วนบุคคลสะสมเติบโตกว่า 4% มียอดสินเชื่อใหม่จนถึงเดือนสิงหาคมประมาณ 16,300 ล้านบาท เทียบกับปลายปีก่อนที่มีมูลค่าสินเชื่อส่วนบุคคลคงค้างที่ 15,700 ล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งเป้าภายในปีนี้ปล่อยสินเชื่อคงค้างสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีก 7,000 ล้านบาท หรือคิดรวมเป็น 22,700 ล้านบาท
- มุ่งเพิ่มฐานลูกค้ารวมของธนาคารให้ได้ 20 ล้านบัญชีภายใน 3 ปี ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารมีฐานลูกค้าใหม่เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบัญชี ปัจจุบันธนาคารมีจำนวนบัญชีลูกค้ารวม 15 ล้านบัญชี และเชื่อมั่นว่า ภายใน 3 ปี ฐานลูกค้าใหม่ของธนาคารให้เพิ่มเป็นปีละ 2 ล้านบัญชี และทำให้ธนาคารมีฐานลูกค้ารวมเป็น 20 ล้านบัญชี
KADE มาแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหน่ึงคงหนีไม่พ้นเรื่องของ KADE หรือ K PLUS AI-Driven Experience ที่เรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของ K PLUS
นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ประธาน กสิกร บิซิเนส–เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เล่าว่า แนวคิดการพัฒนา K PLUS ขยายจากการเป็นเพียงแอพพลิเคชั่นด้านการเงิน มาสู่ “K PLUS Intelligence Platform” ที่นำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจกับลูกค้าเป็นรายบุคคล พร้อมทั้งรองรับการเติบโตในอนาคต ทั้งความเสถียร ความปลอดภัย และความง่ายในประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า ทั้งยังมองไปถึงการขยายเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ “เกด” (KADE: K PLUS AI-Driven Experience) ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในพัฒนา K PLUS โดยมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เป็นระบบหลังบ้าน ด้วยการเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคน รู้จัก รู้ใจคนใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นำเสนอประสบการณ์ที่ตรงใจกับลูกค้าเป็นรายคนได้
ยกตัวอย่าง สิ่งที่ KADE ทำได้
- ฟังก์ชัน K PLUS Today สามารถแจ้งเตือนธุรกรรมการเงินที่สำคัญที่ลูกค้าใช้เป็นประจำ และแนะนำผลิตภัณฑ์หรือโปรโมชั่นที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
- เทคโนโลยีแมชชีน เลนดิ้ง (Machine Lending) ที่อยู่ใน K PLUS ทำให้ธนาคารนำข้อมูลมาวิเคราะห์และนำเสนอสินเชื่อส่วนบุคคล (K-Personal Loan) และสินเชื่อธุรกิจ ที่เหมาะสมกับความสามารถในการกู้และตรงกับความต้องการของลูกค้าผ่านแอปฯ K PLUS
- ในอนาคตยังสามารถแนะนำการใช้จ่ายและการลงทุนที่จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินและโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ K PLUS ยังมีโครงสร้างเทคโนโลยี “โอเพ่น แพลทฟอร์ม” (Open Platform) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับช่องทางบริการและพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ต่อเนื่องและต่อยอดไปจนถึงการนำเสนอบริการใหม่ๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ ‘รู้จักจนรู้ใจ’ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกคนมากที่สุด
ทางด้านของทีมพัฒนา KADE ที่เพิ่งเริ่มต้นในวันนี้มีประมาณ 60 คน และตั้งเป้าจะเพิ่มทีมให้ถึง 200 คน เพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนา AI ของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น รองรับลูกค้าใช้งานที่ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านคนทั่วโลก ดูคู่มือการเข้าใช้งานเพิ่มเติมได้ ที่นี่
รับชมโฆษณาของ K PLUS เวอร์ชั่นใหม่กันค่ะ
บทความนี้เป็น Advertorial