บริษัทอีคอมเมิร์ซต่างชาติที่เข้าไปทำธุรกิจในอินเดียกำลังรู้สึกร้อนหนาวไม่สบายตัว เพราะวันนี้ธนาคารกลางอินเดียประกาศกฏใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้กับการชำระเงินออนไลน์ทุกประเภทในแดนภารตะ ซึ่งกฎใหม่นี้เองที่กำลังจะทำให้ความเป็นต่อของบริษัทอีคอมเมิร์ชต่างชาติหายไปในพริบตา
บริษัทอีคอมเมิร์ซต่างชาติที่ถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบจากกฎใหม่ของอินเดียนั้นได้แก่ บริการร้านขายแอพพลิเคชัน Google Play, ร้านค้าปลีกออนไลน์ Amazon India และบริการเรียกรถผ่านแอพพลิเคชันอย่าง Uber สาเหตุนั้นมาจากธนาคารกลาง The Reserve Bank of India (RBI) พบว่าการชำระค่าบริการออนไลน์ผ่านระบบต่างชาติที่บริษัทเหล่านี้ให้บริการนั้นมีการข้ามขั้นตอนการตรวจสอบ 2 ชั้นหรือ two-step verification ที่ทางการอินเดียบังคับให้มี จึงต้องการยุติไม่ให้มีการชำระค่าบริการออนไลน์ผ่านระบบต่างชาติอีกต่อไป
RBI จึงประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าธุรกรรมออนไลน์ที่มีการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าและบริการในอินเดีย จะต้องทำผ่านธนาคารในประเทศอินเดียเท่านั้น (และต้องมีหน่วยเงินเป็นรูปี)
กฏใหม่นี้เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบชำระเงินและการธนาคารในอินเดีย แต่ในมุมของบริษัทอีคอมเมิร์ซต่างชาติ ความสะดวกสบายจากการข้ามระบบ two-step verification ที่เคยทำได้กำลังจะหายไปในพริบตา โดยผู้ที่ถูกมองว่าได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Uber บริการแอพพลิเคชันเรียกรถรับจ้างที่มีตลาดอินเดียเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ เนื่องจากคู่แข่งในท้องถิ่นอินเดียอย่าง Olacabs ซึ่งให้บริการใน 10 เมืองทั่วแดนโรตีเช่นเดียวกับ Uber นั้นอาจจะปรับตัวตามกฏใหม่ของ RBI ได้ง่ายกว่า
สำหรับ Amazon ที่มองอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดกำลังโตที่สำคัญที่สุดของบริษัท ก่อนหน้านี้ Amazon วางแผนเทเงิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อกระตุ้นตลาดอินเดีย และเพื่อเสริมแกร่งให้สามารถแข่งขันกับผู้ค้าในท้องถิ่นอย่าง Flipkart ได้ดีขึ้น จุดนี้เจ้าถิ่นอย่าง Flipkart ย่อมมีภาษีดีกว่า Amazon ในการประสานกับพันธมิตรท้องถิ่นตามกฏใหม่ของ RBI
ทั้งหมดนี้ ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซสัญชาติอินเดียชื่นชม RBI มากเพราะมองว่าเป็นกฏที่ทำให้เกิดการแข่งขันยุติธรรมขึ้นในประเทศ ซึ่งแม้ RBI จะระบุว่ากฏใหม่มีผลบังคับใช้ทันที แต่ RBI ก็ยังให้เวลาบริษัทในการดำเนินงานเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎใหม่ได้ภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้
ไม่แน่ว่านอกจากอินเดีย ประเทศอื่นอาจกำลังเตรียมการประกาศกฎใหม่ลักษณะนี้เพื่อสร้างความเท่าเทียบให้กับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในประเทศบ้าง
ที่มา : Techcrunch