มากกว่า 1 ใน 3 ของโฆษณาออนไลน์ในสหราชอาณาจักรนั้นไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้ จากการเก็บข้อมูลของ Nielsen ด้วย Online Campaign Ratings (OCR)
Online Campaign Ratings หรือ OCR นั้นเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดผลการทำแคมเปญต่างๆ บน Facebook ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้งาน Facebook กว่า 25 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร เพื่อทำการประเมินผลความสำเร็จของแคมเปญออนไลน์ต่างๆ แบบเรียลไทม์
จากเครื่องมือดังกล่าวของ Nielsen พบว่า 61% ของโฆษณาต่างๆ จากนักโฆษณาที่ใช้งาน OCR ชี้ว่าโฆษณาของพวกเขานั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้ในส่วนของเพศ และอายุ
ซึ่ง David Gosen, European Managing Director for digital แห่ง Nielsen ได้กล่าวถึงการใช้งบประมาณเพื่อการลงโฆษณาของนักการตลาดต่างๆ ว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่โฆษณาเหล่านั้นกลับไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ของพวกเขาได้มากเท่าที่ควร เพราะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการของพวกเขาอย่างแม่นยำจริงๆ นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
โดย Gosen ได้กล่าวอีกว่า อาจเป็นเพราะตัวนักการตลาด เนื้อหา หรือช่องทางที่พวกเขาทำการตลาด หากนักการตลาดไม่มีข้อมูลหรือช่องทางที่แน่นอนก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ Gosen ยังคิดว่าหากนักการตลาดได้ใช้งาน OCR พวกเขาอาจจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ของพวกเขาได้มากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจากผลารศึกษาการสื่อสารการตลาดในสหราชอาณาจักรนั้น ยังได้ผลมากกว่าในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี แม้การศึกษาดังกล่าวจะไม่ได้ศึกษาข้อมูลจากประเทศอื่นๆ ด้วย แต่ก็สามารถสรุปได้คร่าวๆ ว่าเนื้อหาทางการตลาดของนัการตลาดในยุโรปนั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาได้เฉลี่ยที่ 59%
แต่อย่างไรก็ตาม Chris Binns, Head of planning แห่ง Mediacom กลับมองว่าการใช้งาน OCR นั้นอาจไม่ได้ให้ข้อมูลที่นักการตลาดต้องการอย่างครอบคลุมมากนัก เนื่องจาก OCR นั้นเป็นการวัดผลการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจากเพศ และ อายุเท่านั้น กลุ่มเป้าหมายทางการตลาดจริงๆ แล้วมีปัจจัยที่ต้องจำแนกอย่างอื่นอีกมาก ได้แก่ ปัจจัยทางจิตวิทยา การบริโภค ไลฟ์ไสตล์ และเขามองว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีเพศ หรืออายุตรงความต้องการของนักการตลาดเพราะนั่นไม่ใช้กลุ่มเป้าหมายที่นักการตลาดมองหา
โดยเข้าได้กล่าวว่าเนื้อหาด้านการตลาดต่างๆ ส่วนมากนั้นจะถูกเสนอต่างกันไปตามบริบทมากกว่าการแบ่งตามหลักประชากรศาสตร์ เช่น หากพวกเขาเลือกจะนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแฟชัน ก็เป็นไปได้ว่าจะมีกลุ่มคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาเหล่านั้นได้เช่นกัน
นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่า การวัดประสิทธิผลของโฆษณาออนไลน์ต่างๆ นั้นยังทำได้ยากเนื่องจากเว็บไซต์หลายๆ แห่งนั้นไม่เปิดโอกาสให้นักการตลาดเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ อย่าง YouTube ที่แม้จะมีข้อมูลจำนวนมหาศาลแต่พวกเขานั้นมีความระมัดระวังกับข้อมูลของพวกเขาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม Nielsen ก็ยังได้กล่าวถึง OCR ว่าต่างจากบริการอื่นๆ ที่เป็นการใช้ข้อมูลจาก Cookie โดย OCR นั้นเป็นการใช้ตัวบุคคลในการวัดประสิทธิผล และยังเผยอีกว่าพวกเขาคาดว่านักการตลาดจะสามารถใช้งบประมาณของพวกเขาได้อย่างมีค่ามากขึ้นแน่นอนเมื่อพวกเขาเริ่มหันมาใช้งาน OCR
ที่มา : BrandRepublic