หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของความเข้มงวดในการเข้าถึงข้อมูลของจีน แต่จริงๆ แล้วยังมีประเทศใกล้เคียงอีกประเทศที่เข้มงวดยิ่งกว่า นั่นก็คือเกาหลีเหนือ ล่าสุดคนที่ใช้โทรศัพท์มือถืออาจจะเสี่ยงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายก็ได้!
The Telegraph รายงานว่าในช่วงของการไว้อาลัยให้กับผู้นำ คิม จอง อิล ที่เพิ่งจากไป หากรัฐบาลพบเห็นใครใช้โทรศัพท์มือถือ หรือมีความพยายามที่จะหลบหนีออกจากประเทศอาจได้รับการลงโทษในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสงครามเลยทีเดียว ซึ่งหากย้อนกลับไปดูก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือก็ได้มีการลงโทษผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือด้วยเหตุผลเดียวกันนี้มาแล้วในปี 2008 ซึ่งสาเหตุหลักก็คือความต้องการที่จะควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและป้องกันไม่ให้ข้อมูลในประเทศรั่วไหลออกนอกประเทศนั่นเอง
สำหรับฐานผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในเดือนพฤศจิกายน 2011 ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั้งสิ้นเพียง 1 ล้านราย หรือคิดเป็น 5% ของประชากรทั้งประเทศ และหลังจากที่ คิม จอง อุน ได้ขึ้นครองอำนาจต่อจากบิดาที่ล่วงลับไปก็ยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่าทิศทางของการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและการสื่อสารจะเป็นอย่างไรต่อไป
ที่มา:?CNET
เราได้อะไรจากข่าวนี้: การควบคุมการเข้าถึงสื่อ, สาธารณูปโภคโดยเฉพาะการสื่อสาร และการเข้าถึงข้อมูลจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการทำธุรกิจโดยเฉพาะทางด้านไอทีและสารสนเทศในเกาหลีเหนือต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา จีนถือเป็นประเทศที่เข้าไปมีการลงทุนในเกาหลีเหนือมากที่สุด คิดเป็นกว่า 53% ของการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด (อ้างอิงจาก Businessweek ฉบับวันที่ 23 มกราคม 2012) แต่ก็ยังเน้นไปที่การลงทุนทางด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ทางด่วน โรงผลิตไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารที่โดดเด่นก็มีเพียงกลุ่ม Orascom Telecom ของอียิปต์เท่านั้นที่เข้าไปพัฒนาโครงข่าย 3G ในกรุงเปียงยาง นอกเหนือจากนั้นไม่มีเม็ดเงินลงทุนไหลไปสู่ธุรกิจทางด้านไอทีและข้อมูลข่าวสารเลย
ขอบเขตที่ดูเหมือนเป็นสุญญากาศดังกล่าว หากพิจารณาถึงโอกาสแล้วเรียกได้ว่าเป็น”เหมืองทอง”ขนาดใหญ่เลยทีเดียว แต่กลับเป็นเหมืองทองที่ถูกปิดตายที่แม้แต่คนในประเทศก็ยังเข้าถึงไม่ได้และมีเพียงผู้กุมอำนาจในรัฐบาลเท่านั้นที่เป็นผู้ที่สามารถจะเข้าถึงได้ ลองนึกภาพดูว่าวันหนึ่งเกาหลีเหนือเปิดให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าไปเปิดเว็บ e-commerce ได้ หรือเปิดให้คนทั่วไปสามารถทำรายการโทรทัศน์ หรือแม้แต่นิตยสาร, แอพพลิเคชั่นมือถือ, โฆษณาออนไลน์ ฯลฯ ธุรกิจเหล่านี้จะสามารถสร้างเงินได้อีกจำนวนมหาศาลอย่างที่เกาหลีเหนือเองไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยก็ได้
โดยความเห็นส่วนตัวของผม ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเกาหลีเหนือจะเริ่มผ่อนปรนความเข้มงวดนี้ลง แม้จะไม่ถึงกับการเปิดเสรี แต่น่าจะดำเนินไปในทิศทางเดียวกับจีนในแง่ที่มีการควบคุมที่รัดกุมแต่ไม่ปิดกั้นทั้งหมด และเมื่อวันนั้นมาถึง ผมว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกมากมายในภูมิภาคนี้ในเรื่องการลงทุนในธุรกิจทางไอทีและโลกออนไลน์ ผมหวังว่าวันนั้นเราจะเห็นคนไทยได้รับผลประโยชน์จากโอกาสนี้ด้วยเช่นกันครับ