มูลค่าตลาดเครื่องดื่มรสโกโก้ที่มีตัวเลขการนำเข้ากว่า 2.1 หมื่นล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น โอเล่ กรุ๊ป จึงได้พัฒนาเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ภายใต้ แบรนด์ “COCOA ON MIND” เพื่อเข้ามาจับตลาดในกลุ่มผู้เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เบาหวาน และหัวใจ ที่มีจำนวนผู้ป่วยกว่า 10 ล้านคนในประเทศไทย
คุณจีราวัฒน์ พุทธิไตรสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเล่ กรุ๊ป (2545) จำกัด ผู้พัฒนากลุ่มอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ แบรนด์ “COCOA ON MIND” เครื่องดื่มดาร์กโกโก้ โนชูการ์ เพื่อสุขภาพ เผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดเทรนด์การดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง อาหารและเครื่องดื่มเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเป็นที่นิยมมากขึ้น
ตั้งแต่เปิดตัวมาประมาณ 1 ปี ได้มีการทดลองทำตลาดในกลุ่มโรงพยาบาลและมีการตั้งบูธ เพื่อแนะนำสินค้าให้แก่กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทยที่มีกว่า 5 ล้านรายในประเทศไทยและมีผลตอบรับในทิศทางที่ดีก่อนที่จะต้องหยุดการออกบูธเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อให้แบรนด์ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ผู้บริหารจึงคิดที่จะทำตลาดออนไลน์และใช้กลยุทธ์การบอกต่อ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าอย่างต่อเนื่อง
คุณจีราวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มโกโก้ในประเทศไทย มูลค่าตลาดปี 2563 คือ 200 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งเน้นทำตลาดเฉพาะกลุ่มสำหรับสายสุขภาพ ขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 4 ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่หันมาดูแลสุขภาพให้เข้าถึงมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันประเทศไทยยังผลิตโกโก้ได้น้อย จึงจำเป็นต้องนำเข้ามาโดยตลอด ทั้งนี้ ปี 2562 ไทยนำเข้าโกโก้ 3.9 หมื่นตัน และในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 4.2 หมื่นตัน ส่งออกเฉลี่ยปีละ 2.1 หมื่นตัน
อย่างไรก็ดี ในอนาคตเรามุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับโกโก้ไทยไปสู่ตลาดโลก มุ่งขายความเป็นไทยลงในผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การคัดสรรแหล่งที่มาของเมล็ดโกโก้ เพื่อให้ได้เมล็ดโกโก้ที่สมบูรณ์ มีรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นถิ่น (Single Origin) ช่วยสร้างจุดเด่นและมูลค่าเพิ่มให้กับโกโก้ และการพัฒนาสูตรเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์สูงสุด ทำให้กลายเป็นโก้โก้ที่มากกว่าแค่โกโก้ชงดื่มธรรมดา เพราะผู้บริโภคยุคนี้ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทั้งดีต่อสุขภาพ และ รสชาติอร่อย ซึ่งเป็นเทรนด์เครื่องดื่มที่มีแนวโน้มเติบโตและน่าจับตามองในอนาคต
เดินหน้าธุรกิจแบบบอกต่อ
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีแนวโน้มเป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานจากการบอกต่อของผู้ป่วย สังคมรอบข้างมาบ้าง จึงได้เกิดแนวคิดการทำธุรกิจแบบมีส่วนลดจากการบอกต่อ และยิ่งซื้อเยอะก็ยิ่งได้ส่วนลดเยอะ แต่บริษัทไม่เน้นให้ซื้อไปเพื่อกักตุน จึงให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกได้แบบตลอดชีวิต เมื่อมีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างน้อย 10 กล่องก็ได้ส่วนลดระยะยาว ถือว่าเป็นการซื้อเพื่อนำไปกินมากกว่าการซื้อเพื่อเพิ่มยอดรายได้ เพราะพฤติกรรมลูกค้าที่ซื้อไปลองชิมจะซื้อเพียง 1-2 กล่องไปใช้กินในระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 กว่าพันล้านบาท โดยเชื่อมั่นในกลยุทธ์การบอกต่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้า จากราคาขาย 3 แพคเกจ คือ 1 กล่องราคา 890 บาท 2 กล่อง 1,200 บาท เซ็ทซองขนาดเล็ก 350 บาท กระเช้าของขวัญ 3,000 บาท
ขณะนี้มีลูกค้าที่ซื้อสำหรับรับประทานเองกว่า 800 ราย ยังไม่นับกลุ่มซื้อไปทำบุญ ถวายพระ หรือเป็นของขวัญให้แก่ญาติผู้ใหญ่ รวมทั้งกลุ่มคนที่ซื้อไปตั้งขายเองในร้านสปา หรือร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ป่วยอย่างมาก
นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขายบนโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และเปิดการขายแบบ Affiliate ให้แก่เหล่าบล็อกเกอร์และอินฟูเอนเซอร์ด้วย เพราะเชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นก็ต้องการหาซื้อไปเป็นของฝากให้แก่ญาติผู้ใหญ่หรือกลุ่มคนที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับหลอดเลือดสามารถรับประทานได้ เพราะสินค้ามีการการันตีจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ