คนในแวดวงธุรกิจดิจิตอลคงสงสัยกันว่า ทุกวันนี้เราทำงานกันอย่างหนัก แล้วท้ายสุดมันมีมูลค่าเท่าไหร่ คำตอบคือ ในประเทศไทยไม่มีใครออกมาบอกได้ชัดเจน แต่ขณะที่พยายามหาตัวเลขมารายงาน ก็พบตัวเลขในสหรัฐฯ มาบอก thumbsuper ทุกคนว่า ในที่สุดรายได้ของโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตสหรัฐฯ ที่ไล่ตามหนังสือพิมพ์มาตลอดก็ถึงจุดสิ้นสุดลง เมื่อผลการสำรวจของ Internet Advertising Bureau ระบุว่าในปี 2553 สื่อใหม่ได้แซงสื่อเก่าเรียบร้อยแล้ว แล้วเมืองไทยล่ะ เดี๋ยวมาดูรายละเอียดเทียบกัน
Internet Advertising Bureau (IAB) ได้รายงานว่ารายได้จากโฆษณาทั้งหมดที่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ คือ 26,000 ล้านเหรียญ เติบโต 15% จากปี 2552 แม้ว่าจะเผชิญปัญหาภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่คนใช้อินเทอร์เน็ตก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้วเพียงไตรมาสเดียวก็มีรายได้สูงถึง 7,400 ล้านเหรียญ เติบโตขึ้น 19% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้รายได้โฆษณาออนไลน์แซงหนังสือพิมพ์ซึ่งมีรายได้ที่ 22,800 ล้านเหรียญ รวมทั้งวิทยุกระจายเสียงที่มีมูลค่า 15,000 ล้านเหรียญ แต่ถึงสูงขึ้นแค่ไหนแต่ก็ยังไม่แซงโทรทัศน์ที่นักโฆษณาทุ่มไปถึง 28,600 ล้านเหรียญ (Siam Intelligence Unit วิเคราะห์ได้น่าสนใจ คลิกอ่านต่อที่นี่)
เห็นข่าวฝรั่งแล้วก็อดเอาตัวเลขของไทยมาเทียบไม่ได้ ตัวเลขนี้ทางสมาคมโฆษณาไทย เอาตัวเลขของ Nielsen มารายงานผ่านกรุงเทพธุรกิจว่าในปี 2553 นักโฆษณาไทยทุ่มเงินทั้งหมด 1.01 แสนล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 11.83% แต่ตัวเลขบอกว่าโฆษณาออนไลน์มีแค่ 290? ล้านบาทรั้งตำแหน่งโหล่ต่างกับอเมริกาค่อนข้างมาก
Newspaper?????????????? +6% ????? ???? ???? ???? ???? 15,000 ล้านบาท
Radio??????????????????????? -0.88%????????????????????????? 6,100 ล้านบาท
Magazine????????????????? +4.22%??????????????????????? 5,600 ล้านบาท
Transit Media??????????? +27%???????????????????????? 2,200 ล้านบาท
Internet???????????????????? +12%?????????????????????????????? 290 ล้านบาท
ในส่วนโฆษณาออนไลน์ ตัวเลขที่ออกมาค่อนข้างน่าแปลกใจเพราะสูงเพียง 290 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่เชื่อได้ยาก thumbsup จึงได้สอบถามกับดิจิตอลเอเยนซี่หลายแห่ง ปรากฏว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับความจริงเท่าไหร่ โดยแหล่งข่าวซึ่งเป็นดิจิตอล เอเยนซี่ชื่อดังแห่งแรกคือ “ อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์” กรรมการผู้จัดการแห่ง adapter digital เผยกับ thumbsup ว่า
“ผมบอกได้เลยว่าตัวเลข 290 ล้านที่ออกมาเป็นตัวเลขที่อาจไม่ตรงกับความจริงสักทีเดียว เอาเป็นว่าถ้ารวมตัวเลขรายได้ของดิจิตอลเอเยนซี่ในเมืองไทยหลักๆ มาสัก 3 เจ้า ผมว่าก็น่าจะมากกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว และวิธีการวัดของ Nielsen เขาบอกไว้ชัดเจนว่าเขาวัดแค่ 10 เว็บและจับเฉพาะหน้าแรกเท่านั้น ในขณะที่ลูกค้าเวลาลงโฆษณาลงกับ Google มากที่สุด รองลงมาคือ Facebook ซึ่ง Google กับ Facebook ไม่ได้อยู่ในการจัดอันดับของ Truehits ทำให้ตัวเลข 290 ล้านบาทไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริง ส่วนตัวผมเองเคยพูดไว้ในงานสัมมนาของบริษัทเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ปี 2553 เมืองไทยน่าจะทำได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท และในปี 2554 ผมคาดว่าน่าจะไปถึง 1,500 – 2,000 ล้านบาท”
ในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวของ thumbsup ซึ่งเป็นดิจิตอล เอเยนซี่อีกแห่งหนึ่งระบุเช่นกันว่า
“ตัวเลข 290 ล้านบาทของ Nielsen เป็นตัวเลขที่คนในวงการโฆษณาออนไลน์ไทยเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เหตุผลที่กล้าบอกอย่างนี้เพราะหลักในการวัดของ Nielsen ใช้วิธีจับเอาแต่เว็บไซต์ไทย 10 อันดับแรกที่จัดลำดับโดย Truehits.net แล้วจับเฉพาะหน้าแรกหน้าเดียว เหมือนกับเราเข้าไปที่หน้าแรก เห็นว่ามีตำแหน่งแบนเนอร์กี่ตำแหน่งก็นับไป แล้วจับมา 10 เว็บไซต์คิดมูลค่ากันออกมาได้ 290 ล้านบาท ซึ่งบอกได้เลยว่าความเป็นจริงมันต้องสูงกว่านี้มาก”
ดังนั้นเราจึงพอสรุปคร่าวๆ ได้ว่าตัวเลขที่ Nielsen ออกมาชี้ว่า 290 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไหร่ เพราะดิจิตอลเอเยนซี่หลายแห่งก็ประสานเสียงออกมาบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตัวเลขเพียงเท่านี้ เพราะตัวเลขของบริษัทเพียงบริษัทเดียวก็อาจส่งรายได้ให้เว็บในเมืองไทยไปมากกว่า 300 ล้านบาทต่อปีแล้ว ในเมื่อตัวเลขที่ปีแล้วควรจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และปีนี้ก็น่าจะเกิน 1,500 ล้านบาทซึ่งถ้าเป็นจริงก็เท่ากับว่า โฆษณาออนไลน์ก็แทบจะเทียบเท่า In-store media และไล่ตาม Transit Media ขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว
คำถามที่น่าคิดกันต่อไปก็คือ วงการโฆษณาออนไลน์ไทยควรจะรวมตัวและเปิดเผยตัวเลขต่อกันและกันเพื่อประโยชน์ของภาพรวมในอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ไทยหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่คนโฆษณาออนไลน์จะต้องคิดและทำกันต่อไป ว่าจะช่วยกันทำให้ตลาดโฆษณาออนไลน์เติบโตกันก่อนหรือเป็นเช่นนี้ต่อไป