หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ราคาแพงเท่านั้น ผู้บริโภคจึงจะค้นหาข้อมูลออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ การสำรวจล่าสุดพบว่าไม่ใช่ แถมนอกจากจำนวนผู้ซื้อที่ค้นหาข้อมูลออนไลน์จะเพิ่มขึ้นทุกประเภทแล้ว การค้นหาตำแหน่งร้าน การเปรียบเทียบราคา และการมองหาข้อมูลร้านค้าอื่นในสินค้าที่ราคาทั่วไปยังเพิ่มขึ้นด้วย ท่ามกลางปัญหาหรือข้อบกพร่องที่หลายคนมองว่าเสิร์ชเอนจิ้นวันนี้ยังไม่เพอร์เฟ็กต์
การสำรวจล่าสุดของบริษัทวิจัย SearchDex เรื่อง 2017 Google Game Survey พบว่าผู้บริโภค 58% ในสหรัฐฯลงมือเสิร์ชหาสินค้าออนไลน์ก่อนควักกระเป๋าซื้อ โดยมากกว่า 1 ใน 4 ของผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาบทความหรือวิดีโอรีวิวการใช้งาน นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังใช้ออนไลน์เสิร์ชเพื่อหาตัวเลือกร้านค้าปลีกอื่นสำหรับซื้อสินค้า (26%)
ผู้บริโภคบางรายเสิร์ชสินค้าเพื่อเปรียบเทียบราคา (25%) ขณะที่บางรายเสิร์ชออนไลน์เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตั้งร้านค้าปลีก (19%)
ในภาพรวม ผู้บริโภคราว 1 ใน 3 ของสหรัฐฯระบุว่าการช้อปปิ้งส่นใหญ่ของตัวเองมักเริ่มต้นจากบริการเสิร์ชออนไลน์ ตัวเลขนี้สูงกว่าสัดส่วนกลุ่มตัวอย่างที่บอกว่าเริ่มจากเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีกโดยตรง (20%) รวมถึงกลุ่มที่บอกว่าเริ่มจากเว็บไซต์สาขาร้านค้าปลีก (18%) และเว็บไซต์ของแบรนด์ (15%)
กลุ่มตัวอย่างในสหรัฐฯมองว่ายังไม่พอใจกับคุณภาพผลเสิร์ชออนไลน์ที่ได้รับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเทคนิก SEO และการอัดฉีดงบประมาณการตลาดที่ทำให้รายการผลลัพท์ไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ จุดนี้ SearchDex สรุปว่าผู้ใช้เสิร์ชเอนจิ้น 39% ไม่ปลื้มกับโฆษณาประเภท targeted ads ที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่ 21% เหนื่อยหน่ายกับผลการค้นหาที่ล้าสมัยไม่อัปเดท
18% บอกว่าผลเสิร์ชที่ต้องการไม่ได้ปรากฏในผลลัพท์หน้าแรก ขณะที่ 17% หงุดหงิดกับเวลาโหลดผลการเสิร์ชที่ไม่ทันใจ และ 12% มีปัญหากับคำบรรยายผลการเสิร์ชที่ไม่ชัดเจน โดย 10% ติดขัดที่ระบบไม่สามารถค้นหาลิงก์ตามคำหลักหรือคีย์เวิร์ดได้ครบ
เหนืออื่นใด การสำรวจพบว่าผู้บริโภคกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว โดย 68% ยอมรับว่ากังวลว่าประวัติการท่องเน็ตของตัวเองจะถูกนำไปจำหน่ายในภายหลัง
ที่มา: PRDaily