ยิ่งผู้บริโภคเปิดรับการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้นเท่าไหร่ การจองที่พักหรือตั๋วเพื่อการเดินทางผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตยิ่งทวีความนิยมมากขึ้นเท่านั้น!
จากข้อมูลล่าสุดโดย eMarketer เผยว่าเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา มียอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากถึง 16.36 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 5 แสน 3 หมื่น 3 พันล้านบาท และคาดว่าในปี 2014 นี้ยอดการใช้จ่ายดังกล่าวจะเติบโตขึ้นถึง 59.8% โดยคาดว่าจะมียอดการใช้จ่ายดังกล่าวในปีนี้ที่ 26.14 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 8 แสน 5 หมื่น 2 พันล้านบาท
และหากอัตราการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวยังคงที่ที่ 31% ต่อปี ทาง eMarkerer คาดว่ายอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนในปี 2018 นั้นจะเพิ่มขึ้นไปที่ 64.69 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 2 ล้านล้านบาท
โดย eMarketer ได้คาดการณ์ว่าในปี 2014 นี้ยอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนจะคิดเป็น 18% จากการใข้จ่ายเพื่อหารท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ทั้งหมด และคาดว่าในปี 2018 นี้ ยอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนจะคิดเป็น 37% จากการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ทั้งหมด
นอกจากนี้ผลการศึกษาดังกล่าวยังเผยว่าการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านคอมพิวเตอร์นั้นจะลดลงทุกๆ ปี มีเพียงการใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเท่านั้นที่มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และความนิยมในการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เองที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวพยายามพัฒนาช่องทางการจองที่พัก เที่ยวบินหรือบริการอื่นๆ ให้เพื่อให้สามารถเข้าถึงผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้สะดวกมากขึ้น สาเหตุที่มีการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้นนั้นอาจเป็นเพราะอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถเข้าใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา อุปกรณ์ดังกล่าวจึงมีบทบาทเป็นอย่างมากในกรณีการตัดสินใจจองที่พัก หรือบริการเพื่อการท่องเที่ยวอื่นๆ ในนาที่สุดท้าย หรือกรณีฉุกเฉิน แต่อย่างไรก็ตามยอดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานในแต่ละครั้งนั้นยังคงเป็นยอดการใช้จ่ายที่ต่ำ อย่างเช่น การจองที่พักกรณีฉุกเฉินหนึ่งคืน เป็นต้น
ส่วนแท็บเล็ตนั้นกำลังกลายเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาแทนที่คอมพิวเตอร์ในกรณีการใช้งานภายในบ้าน การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวผ่านแท็บเล็ตนั้นดูเหมือนว่าจะมียอดการใช้จ่ายต่อครั้งสูงและมีระยะเวลาในการจองหรือซื้อบริการที่ยาวนานกว่ากว่าสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกันกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการตัดสินใจหรือการวางแผนการท่องเที่ยวส่วนมากนั้นมักเกิดจากการนั่งใช้เวลาและการพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวเมื่อเทียบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นถือว่าเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างอิ่มตัว โดยเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ สามารถสร้างรายได้เพียง 34.1% จากรายได้รวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2C โดยรวมทั้งหมดที่ 4 แสน ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 13 ล้านล้านบาท) และคาดว่าธุรกิจการท่องเที่ยวบนอีคอมเมิร์ซนั้นจะสร้างรายได้ลดลงเหลือเพียง 26.2% จากรายได้รวมที่ 666.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 21 ล้านล้านบาทไทย) ในปี 2018
แต่หากมองเฉพาะในส่วนการสร้างรายได้ผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ตธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ผ่านช่องทางดังกล่าวสุงที่สุด โดยทาง eMarketer คาดว่าในปี 2014 นี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวจะสามารถสร้างรายได้มากถึง 31.1% จากธุรกิจ mcommerce แบบ B2C นอกจากนี้ในปี 2018 ธุรกิจท่องเที่ยวจะสามารถสร้างรายได้ผ่าน mcommerce ได้มากถึง 32.8% จากธุรกิจ mcommerce ทั้งหมดที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ ได้มากถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีดังกล่าว
ที่มา : eMarketer
ภาพ : freeenterprise