Site icon Thumbsup

Exclusive: สัมภาษณ์เพจ “ออกพญาหงส์ทอง” คันฉ่องที่สะท้อนสังคมกับเอกลักษณ์ที่ชัดเจน

ผมขอออกตัวก่อนว่านี่จะเป็นหนึ่งในบทความที่แปลกที่สุดที่ thumbsup เคยนำเสนอ แต่ด้วยความแปลกแต่น่าสนใจมากของมันจึงทำให้ผมอยากจะถ่ายทอดสู่ผู้อ่าน

โดยหวังว่าในมุมหนึ่ง คุณผู้อ่านจะได้เห็นถึงการสร้างตัวตนหรือ character ของ Facebook Fan Page โดยเกาะกับกระแสความเป็นไทย กระแสของละคร และแฝงมุมมองดีๆ ที่ถ้าหากผสมผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี คุณก็จะสามารถใช้โลกของสังคมออนไลน์ในการทำการตลาดและถ่ายทอดมุมมองดีๆ สู่แฟนๆ ได้ ขอให้เพลิดเพลินและได้ประโยชน์จากการอ่านครับ

@chyutopia

Editorial note:?บทความนี้คือบทความพิเศษที่เราเรียกว่า Guest Post จาก Kittipat M ซึ่ง เป็นนามปากกาของนักทำกลยุทธ์ด้านดิจิตอลของเอเยนซี่โฆษณาแห่งหนึ่ง ชอบศึกษา ความเป็นไปและปรากฏการณ์ของโลกสังคมออนไลน์ โดยส่งมาให้กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup อ่านโดยเฉพาะ สิ่งที่ Kittipat M เขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของ Kittipat M?

บทความนี้เป็นการสัมภาษณ์แบบ exclusive โดยถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน ซึ่งมี thumbsup เป็น ผู้เผยแพร่เดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ หากต้องการนำบทความไปใช้กรุณาให้เกียรติด้วยการอ้างอิงชื่อผู้เขียนและลิงก์ กลับมายังบทความต้นฉบับ

คอลัมน์นี้เป็นคอลัมน์พิเศษที่เราจะติดตามสัมภาษณ์บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังเพจบนเฟสบุ๊คที่กำลังอินเทรนด์ต่างๆ หรือผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ โดยจะเน้นการสอบถามถึงที่มา แรงบันดาลใจในการสร้าง รวมถึงเทคนิคเฉพาะตัวต่างๆ เพื่อเป็นแรงบันดาจใจให้กับผู้ที่สนใจจะสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ รวมถึงเป็นความรู้ให้กับคนที่สนใจด้วย

กล่าวถึงเพจหนึ่งๆ ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้สร้างปรากฏการณ์พิเศษในโลกออนไลน์ให้กับสยามประเทศ ภายหลังละครเรื่อง “ขุนศึก” จบได้ไม่นาน เราได้มีโอกาสได้เห็นดราม่าอะไรบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นบน Facebook นักรบผู้องอาจนาม “ออกพญาหงส์ทอง” ได้ออกต่อสู้โรมรันกับอีกเพจหนึ่งที่มีชื่อเรียกกันทั่วไปว่า “เพจสก๊อย” เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมด้านภาษาของไทย ไม่ให้ภาษาสก๊อยได้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะเป็นเหตุการณ์เล็กๆที่ชวนตลกขบขัน แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพจ?”ออกพญาหงส์ทอง” มีผู้ติดตามเป็นสาวกจนเกือบถึงแสนคนในวันที่เขียนบทสัมภาษณ์นี้

ก่อนจะอ่านต่อไป อยากให้ได้ลองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศสมัยอยุธยาที่ ?http://www.facebook.com/lordofsiam? เพื่อให้ได้ซึมซาบถึงความเป็นออกพญาฯ และภาษาไทยโบราณที่ได้อ่านแล้วจะรักในความเป็นไทยมากขึ้น หรือไม่อย่างนั้นลองอ่านข้อความเจ็บๆ อย่างตัวอย่างนี้

“กูนั่งเกวียนเหล็กผ่านมา ต้องตากูนักด้วยด้วยโบราณสถานแห่งนี้งดงามยิ่งทอดยาวไปสุดลูกในตา ชะรอยคงจักสร้างคราหลังเสียกรุงเป็นแน่ ฤาสถูปสถานนี้จักสร้างให้เหล่าขุนศึกขุนพล ดีร้ายใยช่างสิบหมู่จึ่งไม่มาทำนุบำรุงให้คงอยู่สืบไปเล่า หากลูกหลานสยามคนใดผ่านไปพวกมึงจงเอาข้าวตอกดอกไม้แลธูปเทียนไปสักการะเถิด จักเป็นมงคลกับตัวมึงยิ่ง”

ด้วยความที่เป็นเพจที่มีเอกลักษณ์ที่แหวกแนวแบบสุดโต่ง ห่าม?จิกกัดสังคม?แต่มีสาระแอบแฝงอย่างลึกซึ้ง?หากใครคิดว่าเพจนี้่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำอะไรเล่นๆ อาจจะคิดผิด?เพราะแท้จริงออกพญาหงส์ทองถูกออกแบบและวางแผนอย่างแยบยลแล้วว่า จะต้องเป็นเพจที่ให้สาระแก่ผู้คน แต่เป็นไปในมุมต่างออกไป โดยที่จะต้องไม่ต่างออกไปเฉพาะในด้าน content ที่ให้คนมาเสพเท่านั้น แต่ต้องต่างถึงขนาดเปลี่ยนมิติเวลากันเลยทีเดียว โดยวางตัวเองไม่ต่างอะไรกับการที่คนโบราณนั่งไทม์แมชชีนมาสู่ยุคที่เราอยู่ ชี้ผิดชี้ถูกแก่สังคม โดยยกความล้มเหลวของอดีตกาลมาเป็นบทเรียน

วันนี้เรามีเพจแรกที่เวลาเข้าไปแล้วเหมือนได้ดูละคร period?เหมือนได้ดูละคร ที่ได้ทั้งความบันเทิงและสาระ?เหมือนได้ดูละคร แล้วสะท้อนให้ได้ย้อนดูตัวเอง

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่?”ออกพญาหงส์ทอง” ได้ยอมเปิดเผยเบื้องหลังให้เราได้สัมภาษณ์ เพราะออกพญาฯ ไม่เคยออกสื่อ และไม่คิดจะออกสื่อ คราวนี้จึงถือว่าเป็น exclusive จริงๆที่ออกพญาฯได้เล่าอะไรดีๆ ให้ฟัง

แต่ด้วยออกพญาฯมีความชัดเจนในตัวเอง ทรนงในความเป็นออกพญาฯ และเพื่อยังรักษาภาพลักษณ์ให้ยังคงชัดเจนสืบไป จึงได้ถูกขอให้ไม่พูดถึงชื่อเสียงเรียงนามตัวจริง และการโต้ตอบในบทสัมภาษณ์ยังคงขอให้ใช้ภาษาโบราณแบบสไตล์ออกพญาฯ จึงเป็นที่มาของบทสัมภาษณ์ที่ดูแปลกๆ แบบข้างล่างนี้ แต่ท้ายที่สุดผู้สัมภาษณ์ก็ได้ขออนุญาตออกพญาฯว่าจะขอลงส่วนขยายความเพื่ออธิบายให้ผู้อื่นได้เข้าใจโดยง่าย ซึ่งก็ได้รับอนุญาตแต่โดยดี

Kittipat M 😕อยากให้เล่ากำเนิดออกพญาหงส์ทอง และแรงบันดาลใจของการสร้างเพจ
ออกพญาฯ :?“กูจักปรากฏ ยามอ้ายอีไพร่สยาม หลงลืมหน้าที่ มิรักชาติรักแผ่นดิน ชะรอยยังลุ่มหลงกับการ ละเล่นรื่นเริงมิสนใจกิจการข่าวสารบ้านเมือง”
(ขยายความ :?มีแรงบันดาลใจมาจากที่ว่าวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยอ่านข่าวสารบ้านเมือง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบท่องเวบอยู่แล้วเห็น comment ต่างๆที่แสดงให้เห็นเลยว่าเป็นการเขียนโดยไม่มีความรู้ จึงอยากจะสร้างอะไรมาสักอย่างเพื่อจะถ่ายทอดความรู้ที่ถูกต้องให้กับคนอื่น แต่ต้องเป็นไปในลักษณะที่สนุก ?มีทั้งสาระและขบขันไปในตัว มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน )

Kittipat M 😕มีออกพญาฯทั้งหมดกี่คน เหตุใดจึงต้องเป็นออกพญาหงส์ทอง และทำไมถึงต้องใช้ภาษาโบราณ
ออกพญา?:?“มึงเห็นกูมีกี่คนกันเล่า ออกพญาหงส์ทองก็มีเพียงหนึ่งจักให้กูถอดจิตถอดวิญญานได้เยี่ยงไร ส่วนนามนั้นไซร้พ่อแม่ตั้งให้ตั้งแต่ตกฟาก กูคนอโยธยามึงจักให้พาทีเป็นภาษาพม่ารามันได้เยี่ยงไร”
(ขยายความ :?เริ่มด้วยตัวคนเดียว ชื่อนั้นจริงๆ เริ่มจากที่ปกติคุยเล่นอยู่กับเพื่อนสนิทเป็นภาษาแนวนี้อยู่แล้ว จึงเอาสไตล์นี้มาตั้งเป็นเพจเล่นๆ หลังจากที่ติดลมบนก็เลยเลยตามเลย)

Kittipat M 😕เกี่ยวกับภาพยนต์ละครทีวีเรื่อง “ขุนศึก” หรือเปล่า
ออกพญา?:?“อ้ายเสมา มันยศฐาแค่น้อยนิด ไยกูต้องเอาต้องมันเป็นแบบอย่างเล่า”
(ขยายความ :?ไม่เกี่ยวครับ ผมเป็นคนไม่ดูทีวีจึงไม่รู้อะไรที่อยู่ในทีวีเลย แต่มีเพื่อนมาบอกเหมือนกันว่าเพจผมเริ่มหลังจากหนังเรื่อง “ขุนศึก” อวสานไปแล้วสักพัก เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น)

Kittipat M 😕ทำไมถึงไม่อยากเผยตัวตนที่แท้จริงของออกพญาฯออกสื่อ
ออกพญา?:?“กูก็อยู่ที่เรือนทุกวันมึงตาบอดฤๅ ถึงมิเห็นกู”
(ขยายความ :?เนื่องจากในชีวิตจริงหรืออาชีพปัจจุบันมีบรรทัดฐานทางสังคมครอบอยู่ หากไม่ทำเช่นนี้ก็จะเป็นการยากในการที่จะมีอิสระในการเขียน ไม่ว่าจะหัวข้ออะไรหรือการวิพากษ์วิจารณ์สังคมต่างๆ จึงอยากที่จะตัดขาดตัวตนชัดเจนระหว่างชีวิตจริงกับโลกออนไลน์)

Kittipat M 😕ไปเรียนเรื่องการใช้ภาษาโบร่ำโบราณมาจากไหน
ออกพญา?:?“ท่านพระครูวัดพุทไธศวรรย์ท่านสั่งสอนให้”
(ขยายความ :?ไม่ได้เรียน แต่พอเริ่มมีคนมามากๆก็เริ่มรู้สึกว่าต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องขึ้น แต่ละโพสจึงต้องใช้เวลาคิดพอสมควร ใช้ Google เพื่อเสิรช์ค้นหาคำที่ใช้เก่าๆ รวมถึงหาหนังสือคำภาษาไทยโบราณมานั่งอ่านด้วย)

Kittipat M 😕คิดไหมว่าวันหนึ่งถึงจะดังถึงขนาดนี้ พอมีคนเข้ามามากขึ้นแล้วรู้สึกอย่างไร
ออกพญา?:?“กูก็ยินดีปรีดาที่ไพร่ชาวสยาม จักเปิดกระโหลกกะลา รับซึ่งความรู้ที่กูออกพญาจักสอนสั่งให้”
(ขยายความ :?ดีใจกับผลตอบรับ พอเริ้มมีคนมากขึ้นก็เริ่มรู้สึกสนุก แต่ก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แล้วก็ทุกวันนี้รู้สึกตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะมากขึ้น ก็ต้องระมัดระวังกับการโพสให้มากขึ้นตาม ไม่ใช่ทำเพื่อแค่ความสะใจด้านเดียว เพราะเรื่องของเรามีผลต่อคนมากมาย )

Kittipat M 😕ที่จำนวนแฟนขึ้นมามากเกี่ยวข้องกับตอนมีประเด็นดราม่ากับเพจภาษาสก๊อยหรือไม่ ( เพจชื่อ “ษม่ค่ล์มนิ๋ญฒสก๊อย ” – http://www.facebook.com/sowhateiei )
ออกพญา?:?“นางสิบสองปันนาส่งลิขิตมากูมิอาจตีความได้ กูจึงจักไปจับทำเมืองขึ้นเสีย ท้ายที่สุดภาษาที่นางสิบสองปันนาใช้เป็นเพียงภาษาเฉพาะกลุ่ม หากมินำไปใช้ในการศึกษาศิลปะวิทยาแลงานราชการแผ่นดินก็มิสร้างปัญหาให้กับผู้ใดดอก”
(ขยายความ :?จริงๆ เริ่มตั้งแต่โพสแรกๆ เลยที่พูดเกี่ยวกับรอยสัก แล้วมีคนเอาไปตัดต่อทำนองดราม่า อันนี้คนเข้ามาทีเดียวหลักพัน ส่วนเพจสก๊อยจริงๆแล้วด้วยความบังเอิญ มีคนเข้ามาแจ้งเรื่องการใช้ภาษาของเพจนี้ มีคนอยากให้ไปปราบ เราก็เข้าไปเล่นสนุกด้วย เพจสก๊อยก็เข้ามาเล่นสนุกด้วย ไหลไปตามน้ำ ไม่ได้ทะเลาะกันก็แค่แซวกันสนุกๆ แต่จริงๆ ไม่ได้คิดอะไรนะ เพราะถ้าภาษาเขาก็ใช้เฉพาะกลุ่มกันเองก็ไม่น่าเดือดร้อนอะไร พอจบเรื่องราวนี้เพจก็มีคนมากขึ้นถึงสามสี่หมื่นคน)

Kittipat M 😕มีวิธีการคิดเรื่องที่จะโพสในแต่ละวันอย่างไร?
ออกพญา?:?“กูเป็นเพียงคันฉ่องสะท้อนสังคมเท่านั้นแล”
(ขยายความ :?ส่วนใหญ่จะมาจากข่าวในช่วงนั้นๆ ซึ่งก็จะเอาเรื่องราวมาพูดถึงในลักษณะการสะท้อนมาจากมุมของคนโบราณ เหมือนกับให้ออกพญาฯนั่งไทม์แมชชีนจากยุคสมัยก่อนมาในยุคสมัยนี้ แทรกเรื่องแซวบ้าง ประชดประชันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องราวที่ชวนให้คิด เช่นเรื่องของอองซานซูจี เรื่องของประชาคมอาเซียน)

Kittipat M 😕คิดว่าอะไรที่ทำให้มีคนสนใจออกพญาฯ จนมีคนตามมา Like ที่เพจกว่าแสนคน
ออกพญา?:?“อ้ายอีไพร่ทั้งหลายคงอยากจักให้กูสั่งสอนเสียกระมัง”
(ขยายความ :?เนื้อหาและเนื้อข่าวที่โพสมีทั้งตลกขบขันและสาระแฝงไปในตัว จึงทำให้ผู้คนสนใจติดตาม เหมือนได้รับฟังข่าวสารจากคนโบราณ)

Kittipat M 😕ถ้าให้เลือกโพสที่ชอบที่สุดที่เคยเขียน โพสนั้นคืออะไร เพราะอะไร
ออกพญา?:?“คงจักเป็นเรื่องเปิดกระโหลกพวกไพร่ให้รู้เรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกระมัง”
(ขยายความ :?เรื่องประชาคมอาเซียน ตอนนั้นอยากรู้ข้อมูลจึงไปขอกับแอดมินของเพจ Thailand Investment Forum (http://www.facebook.com/ThInvestForum) เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในการโพส เขาก็ให้มา 20 กว่าหน้า แล้วเราเอามาเรียบเรียงใหม่ ทีนี้เรื่องไปถึงหูคนที่เขียนต้นฉบับมาจริงๆ เขาก็มาขอบคุณที่ทำให้ภาษายากๆ ของนักวิชาการอ่านง่ายขึ้น เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อคนไทยในอนาคตแน่นอน นอกจากนั้นยังมีความประทับใจอื่นๆอีก เช่น โพสของเราถูกหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งนำไปใช้เพื่ออธิบายคนที่อยู่ในหน่วยงานนั้นจริง ก็มี )

Kittipat M 😕ถึงทุกวันนี้มีปัญหาการใช้ภาษากับชีวิตจริงไหม
ออกพญา?:?“หากกูไปร้านตลาดตีตรา7-11 แลพูดภาษาอโยธยาแล้วไซร้คงจักจับกูส่งเรือนศรีธัญญาเป็นแน่”
(ขยายความ :?ไม่มี แต่คุยเล่นชีวิตกับเพื่อนก็เผลอมีหลุดใช้ภาษาโบราณแซวเล่นกันเองบ้างโดยไม่รู้ตัว)

Kittipat M 😕เบื่อหรือยัง และอนาคตวางแผนต่อยอดเพจต่อไปอย่างไร
ออกพญา?:?“ตราบใดที่ลูกหลานสยามยังหลงระเริงมัวเมาอยู่กูก็มิสามารถปล่อยวางได้ดอก หากแม้นชาวสยามที่มีจิตใฝ่หาความรู้จักแห่แหนเข้ามาเอง”
(ขยายความ :?ยังครับ เพราะรู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่ใช้ความคิดดี แล้วก็รู้สึกดีที่มีคนชอบและติดตามมากมาย ถึงแม้จะมีสาระบ้างไม่สาระบ้าง แต่ก็เหมือนกับที่เราเรียนกับครูฝึกร.ด. มีเข้มงวดบ้างมีตลกโปกฮาแทรกกันไป เป็นกุศโลบายให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ อนาคตก็ไม่ได้หวังอะไร ไม่ได้หวังยอดจำนวนคนตั้งแต่แรก ทุกวันนี้แค่เห็นเยาวชนเอาเรื่องเราไปเก็บไปคิดแค่ 20 คน ก็พอใจแล้ว)

Kittipat M 😕?ออกพญาฯมี twitter บ้างหรือเปล่า?
ออกพญา?:?“กูมีแต่ดาบทวนแลสีหนาทปืนไฟเท่านั้นหามีอื่นใดไม่ “
(ขยายความ :?ไม่มี)

Kittipat M 😕ออกพญาฯเคยกินคริสปี้ครีมหรือเปล่า
ออกพญา?:?“มันข้าวหนมคืออันใดฤๅไอ้ชื่อแปลกที่มึงถาม หากแต่ข้าวหนมวงกูกินประจำถูกปากกูนัก”
(ขยายความ :?ไม่เคย)

Kittipat M 😕กลัวไหมว่าวันหนึ่งจะมีเพจของพม่ารามัญออกมาแข่งสู้
ออกพญา?:?“ให้มันมาเถิดกูหากลัวไม่ พวกมึงคงจักพูดภาษาพม่ารามันได้สักกี่คนเทียว”
(ขยายความ :?ไม่ได้กังวล แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีคู่แข่ง ทุกวันนี้ก็มีคนเข้ามาเล่นด้วยโดยการสร้างเพจตัวละครต่างๆเขามาโต้ตอบ อย่างหลวงประดิษฐ์การงอน (http://www.facebook.com/Lordpraditha) ?เราเห็นว่าเป็นส่วนเสริมกันมากกว่า)

Kittipat M 😕ถ้าให้ออกพญาฯเกี้ยวพาราสีใคร อยากเกี้ยวใครมากที่สุดในตอนนี้ ทำไม
ออกพญา?:?“กูมิต้องเกี้ยวพาราสีใครดอก แค่นี้อนุในเรือนกูก็เดินกันขวักไขว่แล้ว”
(ขยายความ :?ผู้หญิงที่ติดตามเพจนี้ก็มากโขอยู่ครับ แต่ไม่ได้ตั้งมาเพื่อจะจีบใครในนี้)

Kittipat M 😕คิดอย่างไรเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยของวัยรุ่นสมัยนี้
ออกพญา?:?“หากภาษาวิบัติก็ขอให้แค่วิบัติในกลุ่ม อย่าไปวิบัติในการศึกษาแลงานราชการบ้านเมือง”
(ขยายความ :?ภาษามีวิวัฒนาการของมันเองอยู่แล้ว การมีศัพท์ใหม่ๆไม่ได้เดือดร้อนใคร เพียงแต่ขอให้ใช้ในกลุ่มเราเอง อย่าเอาไปใช้ในการส่งการบ้าน หรือพูดกับคนที่อีกฝ่ายไม่สามารถเข้าใจได้ เช่น ครูอาจารย์ พ่อแม่ หรือเอาไปใช้ในงานราชการ ?ใช้อย่างรู้จักกาละเทศะ ?ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ต่างอะไรกับการที่เราพูดมึง-กูแบบในสมัยพ่อขุนฯ)

Kittipat M 😕ถ้าให้ออกพญาฯออกรบกับปัญหาสังคมในตอนนี้หนึ่งอย่าง อยากเอาชนะเรื่องอะไร?
ออกพญา?:?“สังคมสยามใหม่ในกาลปัจจุบันแตกสามัคคีแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสีแบ่งพวก เหมือนคราเสียกรุงศรีอยุธยา”
(ขยายความ :?อยากชนะเรื่องความแตกแยกของสังคม ที่บางครั้งเราโพสเรื่องการเมืองก็เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าสังคมเราแตกแยกขนาดไหน อยากให้ใช้อดีตมาเป็นบทเรียน แบบครั้งเมื่อเราเสียกรุงฯ ไม่อยากให้เราเป็นเหมือนสมัยโบราณ ออกพญาฯเองก็มีหน้าที่ที่ดึงเอาอดีตมาสะท้อนปัจจุบัน)

Kittipat M 😕อยากให้แต่งกลอนสั้นอะไรก็ได้ พูดถึงสังคมสมัยนี้
ออกพญา?:

“กรุงสยามนามประเทืองที่เลื่องชื่อ
ฝาหรั่งถือเป็นเมืองยิ้มพริ้มไฉน
มาบัดนี้ร้อนระอุ ลุล่วงไป
เหตุอันใดจึ่งแบ่งซ้ายแบ่งขวากัน

ด้วยพวกมึงก็เป็นไทยทั้งชาติ
มาขยาดเกลียดหน้าพาโศกศัลย์
ฤาจักให้สิ้นแผ่นดินสมใจกัน
จึ่งฆ่าฟันร้องด่ามิพาที

กูจักขอบนบานแลสานกล่าว
ให้ท่านท้าวเทพไทในโลกนี้
ช่วยดลใจให้ไทสามัคคี
ให้สมศรีศักดิ์สยามนามประเทือง”

Kittipat M 😕อยากให้พูดถึงคนที่ทำเพจต่างๆหรือคนที่คิดจะสร้างตัวตนขึ้นมาบนโลกออนไลน์
ออกพญา?:?“อันชายชาตินักรบพูดคิดเยี่ยงไร จักต้องมุ่งหมายเยี่ยงนั้นเป็นมาตรมั่น”
(ขยายความ :?ตั้งใจทำอะไรขึ้นมาก็อย่าไปหลอกเขา ให้เรารู้กำเนิดว่าเราทำมาเพื่ออะไร อย่าเปลี่ยน มันไม่ซื่อสัตย์ คนจะหนีและไม่ดีในระยะยาว มันเหมือนกับหนังสไปเดอร์แมนที่พูดว่า “With great power comes great responsibility” ?)

เรื่องราวในอดีตมักสะท้อนปัจจุบันเสมอ และปัจจุบันที่เราทำก็จะสะท้อนอนาคตในยุคลูกหลานของเรา ออกพญาฯเองก็คือมุมเล็กๆที่ใช้โซเชียลมีเดียตั้งใจเพื่อยกระดับสังคม ในมุมที่แสนครีเอทีฟที่ใครจะคาดคิดว่าจะมีเพจแบบนี้ออกมาในโลก และหลังจากการที่ได้เข้าไปเสพเพจๆ นี้รวมถึงการได้สัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลัง ก็ได้ข้อคิดข้อหนึ่งว่า

จะสั่งสอนเยาวชนให้ได้ดี ผู้ใหญ่ต้องทำให้เห็นก่อน
อย่าวิจารณ์เด็ก ถ้าผู้ใหญ่ทำตัวเป็นตัวอย่างไม่ได้
และถ้าผู้ใหญ่พึ่งพาไม่ได้?
ก็อาจต้องพึ่งพาบรรพบุรุษ ให้กลับมาสอนสั่งแทน