อัปเดตตัวเลขล่าสุดจากงานวิจัย Oxford Economics พบภายในปี 2030 หุ่นยนต์ที่ถูกนำเข้ามาใช้ในภาคการผลิตนั้นจะทำงานแทนมนุษย์มากกว่า 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจากขณะนี้ที่หุ่นยนต์ทำงานแทนหนุ่มสาวโรงงานเพียง 1.7 ล้านตำแหน่ง
หากคำนวณตัวเลขตำแหน่งงานที่หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนพนักงานในโรงงาน พบว่าตั้งแต่ปี 2000 หุ่นยนต์ยังทดแทนงานไม่ถึง 2 ล้านตำแหน่งในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา แต่ในอีก 10 ปีข้างหน้าหุ่นยนต์จะทำงานมากกว่า 11 เท่า ของจำนวนงานในภาคการผลิต ซึ่งล้วนเป็นงานที่มนุษย์เคยรับผิดชอบมาตลอด 20 ปีก่อนหน้านั้น
จีนหนักที่สุด
ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการปฏิวัติการผลิตด้วยหุ่นยนต์หนีไม่พ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จำนวนงานในภาคการผลิตของจีนที่คาดว่าจะหดหายไปเพราะหุ่นยนต์ในประเทศคือมากกว่า 11 ล้านตำแหน่งงาน ดีเดย์ผลกระทบนี้อาจเกิดขึ้นภายในปี 2030
นอกจากประเทศจีนที่จะสูญงานมากกว่า 11 ล้านตำแหน่งเพราะหุ่นยนต์ ยังมีสหภาพยุโรปที่คาดว่าหุ่นยนต์จะกระทบกับ 2 ล้านตำแหน่งงาน รองลงมาเป็นสหรัฐอเมริการาว 1.7 ล้านตำแหน่ง
สำหรับประเทศอื่นในเอเชีย รายงานของ Oxford Economics เหมารวมเป็น “พื้นที่อื่น” ซึ่งงานด้านการผลิตจะหดหายมากกว่า 3 ล้านตำแหน่ง ตัวเลขนี้ยังไม่รวมเกาหลีใต้ที่พบว่างาน 800,000 ตำแหน่งจะถูกหุ่นยนต์ยึดไปครอง
รวย-จนมีผล
Oxford Economics ยังโชว์ค่าเฉลี่ยน่าสนใจใน 29 ประเทศชั้นนำที่มีระบบเศรฐกิจก้าวหน้าที่สุดว่า หุ่นยนต์ 1 ตัวจะไปยึดครองงานการผลิตของมนุษย์ราว 1.6 ตำแหน่งในขณะนี้ ถือเป็นค่ากึ่งกลางเมื่อเทียบกับพื้นที่ตั้งของหลายบริษัทที่ต้องการลดต้นทุน โดยในพื้นที่ที่มีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่า การศึกษาพบว่าหุ่นยนต์ 1 ตัวถูกนำมาใช้แทนที่งานมากถึง 2.2 ตำแหน่งในภาคการผลิต
สวนทางกับพื้นที่ที่มีสัดส่วนรายได้สูงกว่า พบว่ามีการนำหุ่นยนต์มาใช้แทนคนน้อยกว่า โดยหุ่นยนต์ 1 ตัวจะทำงานแทนมนุษย์ 1.3 ตำแหน่งเท่านั้นในพื้นที่นี้.
ที่มา: : FastCompany