นักร้องสาวเสียงดีอย่างปาล์มมี่เพิ่งสร้างกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียลไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งที่ปาล์มมี่ทำสามารถเป็นกรณีศึกษาให้กับแบรนด์ได้ เพราะความสำเร็จจากโพสต์นี้ที่ทำให้ความคิดเห็นเพิ่มขึ้นหลายเท่า บนยอดแชร์ทะลุ 7 พันครั้ง จากปกติที่มียอดแชร์ราว 2-3 พันครั้งเท่านั้น
โพสต์ธรรมดาที่สร้างอิมแพค
โพสต์กระแสแรงของปาล์มมี่นั้นเป็นโพสต์ตารางงานเดือนธันวาคม จุดเด่นของโพสต์คือการเลือกภาพที่แหวกแนว การแทรกกราฟฟิกที่แปลกตา และการเขียนภายในตารางงานที่ทำให้ผู้อ่านแปลกใจจนต้องส่งต่อให้เพื่อนได้ดู
ตารางงานของปาล์มมี่ที่โพสต์บนเพจ PALMY นั้น ต่างจากศิลปินคนอื่นมากมายนัก หลายคนเลือกจะทำกราฟฟิกตารางงานให้ดูเท่ห์ สวยงาม ซึ่งแม้จะดูดี แต่ก็ดูธรรมดาจนไม่มีความต่างหรือสีสันให้พูดถึง
สำหรับกรณีของสาวมี่ โพสต์ตารางงานเดือนธันวาคมสามารถเรียกความคิดเห็นจากผู้ชมได้เกิน 1.8 พันรายการ ยอดแชร์ 7,400 ครั้ง โดยความเห็นที่มีแฟนเพจถูกใจมากที่สุด ระบุว่าต้อง “กดไปดู 3 รอบ ว่าใช่เพจพี่มี่หรือเปล่า” “ภาพที่ตั้งใจจะลงถูกแล้วใช่ไหมครับพี่ คิดว่า พาดหัวข่าวเกี่ยวกับปัญหาเด็กแว๊น”
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะสาวปาล์มมี่เลือกภาพคนขี่มอเตอร์ไซค์ยกขาสุดเฟี้ยว แถมยังใช้อักษรสีเขียว-แดงซึ่งแฟนเพจวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะธันวาคมเป็นเดือนแห่ง “คิดสะมาด”
“คิดสะมาด” เป็นอีกความพีค ที่แฟนเพจบอกว่าอาร์ตเวิร์กว่าพีคแล้ว การเขียนในตารางงานว่า “25 Dec วันคิดสะมาด” อันนี้พีคกว่า
ไม่ว่าภาพตารางงานนี้จะทำให้แฟนเพจคิดว่าเป็นเพจปลอมหรือไม่ แต่โพสต์สุดแหวกแนวนี้ทรงพลังมากเพราะมี engagement ดีกว่าทุกโพสต์ในรอบเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่เว้นแม้แต่โพสต์เมื่อ 19 ตุลาคม ที่ปาล์มมี่โชว์มิวสิควิดีโอ Official เพลง #ซ่อนกลิ่น อันโด่งดัง โดยโพสต์ดังกล่าวมีความคิดเห็น 288 รายการ แชร์ 2,115 ครั้งเท่านั้น
แม้แต่โพสต์วิดีโอคอนเสิร์ต ก็สามารถเรียกความคิดเห็นได้ 59 รายการ แชร์ 329 ครั้งเท่านั้น แต่โพสต์คอนเสิร์ตโดดเด่นที่ยอดรับชมคือ 4.9 หมื่นครั้ง
บทสรุปที่แบรนด์ได้รับจากกรณีปาล์มมี่คืออานิสงส์ของการแหวกแนว หากใครแหวกแนวได้โดนใจเหมือนปาล์มมี่ โอกาสสร้าง engagement ก็จะขยายตัวแบบก้าวกระโดด