เมื่อวานนี้ (29/06/18) ได้มีการแถลงข่าว “ปัญญ์ปุริ” ลุยแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี เตรียมขึ้นบัลลังก์เป็นผู้นำในตลาดสุขภาพ และความงามระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าและบริการด้านความสวยงาม รวมทั้งมีการเปิดสาขาใหม่ที่น่าสนใจเพื่อขยายสาขาออกไปยังตลาดต่างประเทศ
เดินหน้าธุรกิจหลักปีนี้
วรวิทย์ ศิริพากย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปุริ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกาศรุกธุรกิจสุขภาพและความงามในปี 2561 ทั้งในแง่เงินลงทุน และแผนขยายสาขามากที่สุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2546
ธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงามมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อวัดจากตลาดระดับโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 900,000 ล้านบาท ตลาดอาเซียนมีมูลค่ามากถึง 500,000 ล้านบาท และในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 250,000 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 15-20% ทุกปี รวมถึงการที่รัฐบาลเร่งผลักดันร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก 4 ด้าน ได้แก่ ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ศูนย์กลางบริการวิชาการ และงานวิจัย (Academic Hub) และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) เป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ให้เห็นโอกาสการขยายตัวอีกหลายเท่าในอนาคต” (ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2560)
ล่าสุด ทุ่มงบลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัว ปัญญ์ปุริ เวลเนส โอเอซิสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นรถไฟฟ้าใจกลางย่านการค้าราชประสงค์ นำเสนอประสบการณ์และบริการครบวงจร 360 องศาเพื่อคนเมือง มีจุดเด่นที่ออร์แกนิคสปา บ่อน้ำแร่ออนเซนแท้จากญี่ปุ่น บริการอาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิค รวมถึงเวลเนส สตูดิโอ พื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร โดยถือเป็นมาสเตอร์โปรเจคต์ที่นำเสนอความโดดเด่นด้านความเชี่ยวชาญ ในฐานะแบรนด์สัญชาติไทยที่อยู่ในวงการมานานกว่า 15 ปี และตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำ ด้านการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวมของเอเชีย
ในปัจจุบันปัญญ์ปุริมีสาขาในประเทศไทยทั้งหมดกว่า 40 สาขา ใน 6 จังหวัดหลัก และจุดขายต่างประเทศใน 20 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งเปิดซิกเนเจอร์ สโตร์ ในกรุงเทพฯ และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังให้บริการสปาในโรงแรมชั้นนำ อาทิ ปัญญ์ปุริ ออร์แกนิค สปา โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ และปัญญ์ปุริ ออร์แกนิค สปา โรงแรมอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทอล เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัท ปุริ จำกัด ร่วมทุนกับ เลคชอร์ แคปปิตอล (Lakeshore Capital) บริษัทร่วมทุนระดับโลกที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (ไพรเวท อิควิตี้) เพื่อร่วมขยายธุรกิจ ส่งเสริม การตลาด การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรมใหม่ของแบรนด์ ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ปัญญ์ปุริ และก้าวสู่ผู้นำแบรนด์ที่ดูแลสุขภาพ และความงามแบบองค์รวมแห่งเอเชียด้วย
กลยุทธ์ในการปั้นออมนิแชนแนล
ก่อนหน้านี้ ทาง PAÑPURI มีการแตะๆ เรื่องของออนไลน์มาบ้าง แต่จะเป็นกลยุทธ์ทั่วไปคือการสร้าง Awareness ให้ลูกค้ามากกว่า ยังไม่ถึงขั้นกับเป็น Online Marketing เต็มตัว แต่ต่อไปนี้ จะดึงมาเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย ด้วยการทำแบบ Omni Channel ให้เป็น Seamless หมายความว่า เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาจะสัมผัสประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานสินค้าที่หน้าร้านหรือสั่งซื้อออนไลน์เพื่อใช้งานที่บ้านจะต้องไม่แตกต่างกัน
“ต่อไปจะมีการเตรียมสินค้าแบบ Sampling ไว้ เมื่อลูกค้าดูในช่องทางออนไลน์และสนใจก็สามารถลงทะเบียนหรือจองสินค้าผ่าน Line@ เพื่อทดลองใช้งานที่บ้านได้ หรือจะมารับบริการที่ร้านก็ต้องไม่ต่างกัน ถือว่าเป็นการสัมผัสประสบการณ์ของสินค้าพรีเมียมได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”
กลยุทธ์นี้อาจจะยังไม่ได้เห็นในเร็ววัน เพราะการเตรียมระบบทุกอย่างต้องใช้เวลาและหลังบ้านที่ดี ซึ่แม้ว่าขณะนี้เราจะมี Market Share เป็นอันดับ 3 ในเรื่องยอดขายกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ แต่ตัวเลขก็ไม่ได้ชัดเจนจากบริษัทสำรวจตลาดว่าธุรกิจเราควรอยู่ในกลุ่มใด เพราะธุรกิจก้ำกึ่งระหว่างสินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าเพื่อความงามระดับพรีเมียมหรือบริการความงาม ดังนั้น เราก็มีแค่ตัวเลขจากยอดขายที่รวบรวมจากสาขาต่างๆ และเชื่อมั่นว่า ปัญญ์ปุริ จะเติบโตได้ดีขึ้นไปอีก
“หลังจากได้เงินทุนมาเสริม เราเชื่อว่าธุรกิจจะแข็งแรงขึ้นอีก เพราะเราไม่ได้หวังแค่ยืนอยู่ที่อันดับ 3 ไปตลอด เราจะพัฒนาตัวเองเพื่อขึ้นเป็นเบอร์ 1 ให้ได้”
ส่วนกรณีบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับ Infliencer ที่เราเห็นผ่านสื่อต่างๆ นั้น ไม่ได้กระทบกับธุรกิจของปัญญ์ปุริเลย เพราะกลยุทธ์ KOL ที่เราใช้นั้น ไม่ได้เลือก Influencer แบบแรนดอมหรือคนที่ไม่เคยใช้สินค้าของเราเลย แต่เราเลือกจากคนที่มีประสบการณ์ใช้งานสินค้าและบริการของเราจริงๆ ดังนั้น ไม่ได้มีผลกระทบกับความเชื่อมั่นทั้งสินค้าและ Influencer เอง ก็เป็นบุคคลที่เชื่อถือได้
สำหรับก้าวต่อไปบนโลกออนไลน์ที่เราวางแผนไว้นั้น นอกจากการสื่อสารภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมแล้วต้องขายสินค้าได้ เช่น เห็นแบรนด์หรือสินค้าของเราบน Instagram แล้ว สนใจอยากซื้อก็กดคลิกสั่งซื้อและจบได้ใน 2 Click เลย ยิ่งผู้บริโภคต้องการความง่ายและสะดวกมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องตามให้ทัน ไม่ใช่แค่อัพเกรดเว็บไซต์ แต่ลูกค้าที่เข้ามาดู เมื่อสนใจในสินค้า ต้องกดสั่งซื้อและเราบริการจัดส่งได้ทันที
ลองทำความรู้จักปัญญ์ปุริผ่านคลิปนี้กันค่ะ