การเกิดขึ้นของพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2527 แม้จะมีความพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการมาหลายปี เพื่อพยุงธุรกิจนี้ให้แข็งแรง ทั้งการเป็นโรงภาพยนตร์ ภัตตาคารจำหน่ายอาหารจีน จนมาปรับปรุงเป็นศูนย์รวมร้านค้าคอมพิวเตอร์แห่งแรกในไทย จนมาวันนี้เรียกว่าปิดตำนานศูนย์รวมไอทีสู่การเป็น ศูนย์กลางการค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะเปิดให้บริการเฟสแรกในวันที่ 26 พ.ย.2563 นี้
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ด้วยปรัชญาการดำเนินธุรกิจเพื่อ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” AWC ตระหนักถึงบทบาทในการมีส่วนร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย ควบคู่กับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ตลอดจนสังคมและชุมชน ประเทศชาติ
โดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติโควิด-19 การลงนามความร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้า รวม 11 หน่วยงาน เพื่อเดินหน้าโครงการ “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ครั้งนี้
จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศูนย์กลางการค้าส่งใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนไทยในภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ นำเข้าสินค้า ในการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยช่องทางในการขายสินค้าและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
นายอนันต์ ลาภสุขสถิต หัวหน้าคณะกลุ่มโฮลเซลล์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION สร้างโมเดลรูปแบบตอบโจทย์ผู้ประกอบการเปิดพื้นที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการค้า โดยไม่เก็บค่าเช่าเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงนี้ อีกทั้งผลักดันให้มีสินค้าจากผู้ผลิตต้นน้ำที่มีคุณภาพในหลากหลายหมวดสินค้า
อาทิ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน ของเล่น ของชำร่วย เครื่องเขียน ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน นวัตกรรมการพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมสมาคมการค้าที่สำคัญมาร่วมลงนามเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกของสมาคมต่างๆ ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
AEC TRADE CENTER เกิดจากแนวคิดของ AWC ในการพัฒนาศูนย์ค้าส่งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) และเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติของอาเซียนครบวงจร ซึ่งปัจจุบันใกล้เสร็จสมบูรณ์วางแผนจะเปิดในต้นปี 2564 แต่ในวันนี้เราพบว่าสถานการณ์โควิดทำลายบรรยากาศการค้าทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยปลุกชีพจรการค้า เราจึงนำแนวคิดดังกล่าวมาพัฒนา AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ให้เป็นโครงการแฟล็กชิพของเออีซี เทรด เซ็นเตอร์ ในฐานะศูนย์กลางการค้าส่งแบบวันสต็อป ครบวงจรใจกลางกรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกของไทย มีพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม. ที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้เติบโตบนเวทีการค้าโลก
ด้วยพื้นที่แสดงสินค้า และศูนย์ SMEs Service Solution (SSS) ซึ่งจะมีสตูดิโอถ่ายภาพเพื่อให้ผู้ค้าสามารถใช้บริการถ่ายทอดสดออนไลน์ (Live Streaming) ห้องประชุม และสัมมนาขนาดย่อม พื้นที่ให้บริการคำปรึกษาด้านธุรกิจ ที่จะเชื่อมโยงกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า ทั้งภายในประเทศ ระหว่างภูมิภาค และทั่วโลกตลอดทั้งปี
นอกจากนั้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าส่งในภูมิภาคอย่างแท้จริง โครงการยังได้รับความร่วมมือจาก Yiwu หรือ Zhejiang China Commodities City Group Co., Ltd. (CCC Group) ผู้พัฒนาและบริหารตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากเมืองอี้อู (Yiwu) ประเทศจีน มาเปิดศูนย์นำเข้าและส่งออกที่โครงการ โดยจะมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” เพื่อให้โครงการเป็นศูนย์ค้าส่งระดับภูมิภาค ให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศได้มาเลือกสินค้าที่ไทย และยังเป็นช่องทางช่วยผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนผ่านเครือข่าย IC Mall ของอี้อู ซึ่งทั้งหมดนี้พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2563 นี้”
นอกจากนี้ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION ยังมีช่องทางออนไลน์ อย่างเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น Phenixbox ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ผู้เช่าของโครงการ สามารถดำเนินธุรกิจแบบออนไลน์ให้ครอบคลุมทั่วโลกได้ ในรูปแบบของ O2O ที่เชื่อมต่อออนไซต์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เช่าสามารถมีพื้นที่ขายออนไลน์ในรูปแบบของการขายส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน
โดยมีฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ ทั้งเรื่อง การทำใบเสนอราคา การแชทรับส่งข้อความแบบเรียลไทม์ การทำธุรกรรมการเงินแบบออนไลน์ ระบบการขนส่ง และโลจิสติก ฟังก์ชั่นการค้นหาสินค้าอัจฉริยะ และการจัดการซื้อขายในลักษณะกลุ่ม” สมาคมการค้า ทั้ง 11 หน่วยงานที่ร่วมลงนามครั้งนี้ ประกอบด้วย
สมาคมเฟอร์นิเจอร์ไทย และสมาคมธุรกิจไม้, กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย, สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย, สมาคมเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงานไทย, สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้าน, สมาคมการค้านวัตกรรมการพิมพ์ไทย, สมาคมสินค้าตกแต่งบ้านและผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์, สมาคมธุรกิจร้านอาหาร, สมาคมผู้ส่งออก เอสเอ็มอีไทย ทั้งนี้ คาดหวังว่าในอนาคตจะมีเครือข่ายสมาคมการค้าเข้าร่วมในโครงการเพิ่มมากขึ้น
ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเป็นศูนย์รวมผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งระหว่างประเทศอย่างครบวงจร AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะทำหน้าที่สนับสนุนความรู้ผ่านเทคโนโลยีต่างๆ และเชื่อมโยงเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจนำเข้าและส่งออก และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาค CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย) และจีน
รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าของภูมิภาค (Sourcing Hub of the Region) เพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า และผู้ประกอบการที่สามารถหาสินค้าหลากหลายครบครันในราคาต้นทาง พร้อมเครือข่ายออนไลน์เพื่อการค้า เปรียบเทียบราคา และการจัดส่ง แบบครบวงจร นอกจากนั้น ยังมีศูนย์แสดงสินค้าคุณภาพคัดสรร “Yiwu Selection Thailand Showcase” และศูนย์ให้บริการด้านการส่งออกไปยังประเทศจีน “IC Mall” เพื่อช่วยเชื่อมโยงช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการจะส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน
โดยในช่วงเปิดตัวโครงการ AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION จะเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และ ผู้นำเข้าสินค้า เข้าใช้โดยไม่เสียค่าเช่าพื้นที่เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการขยายช่องทางการค้าส่งในประเทศไทย และเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าส่งไทยกับตลาดค้าส่งนานาชาติในอนาคต
ทางด้านของผู้เช่าเดิมนั้น หากหมดสัญญาแล้วจะเป็นการคัดเลือกใหม่ให้เหมาะสมกับภาพรวมของศูนย์แห่งนี้ เพราะเชื่อว่าลูกค้าที่มาเดินก็ยังคงต้องการซื้อสินค้าปลีกบ้าง แต่รูปแบบการขายก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมและผู้ค้าเก่านี้ก็มีจำนวนไม่เยอะ ส่วนผู้ค้าใหม่ก็มีการคัดเลือกจากทางหอการค้า ซึ่งมีความสนใจในการเข้าร่วมศูนย์แห่งนี้เกือบเต็มทุกพื้นที่แล้ว
ส่วนอัตราค่าเช่าพื้นที่นั้น ในช่วงแรกยังเปิดให้เช่าฟรี 6 เดือนก่อน เพื่อให้ทันต่อการเปิดให้บริการในวันที่ 26 พ.ย. นี้ ซึ่งทั้งการปรับปรุงศูนย์ให้เป็นภาพลักษณ์ใหม่ และฟรีค่าเช่าพื้นที่นับเป็นการลงทุนไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทแล้ว ทางทีมบริหารเชื่อว่าหากศูนย์เปิดให้บริการได้ทันก่อนสิ้นปี จะมีการใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ผ่านทางการซื้อขายสินค้าจากทางหน้าร้านและออนไลน์