เมื่อเข้าสู่ต้นปีแบบนี้ แน่นอนว่าการแข่งขันในธุรกิจเครื่องดื่มย่อมมีสีสันมากมายเพื่อกระตุ้นสดชื่นให้กลับมาในช่วงเวลาท่ีอากาศร้อนแรงแบบนี้ โดย PEPSI ยังต้องการเกาะกระแสศิลปินรุ่นใหม่ เพราะต้องการให้คนจำภาพของความสนุกสนานและแตกต่าง รวมทั้งพยายามจะค่อยๆ เปลี่ยนภาพเครื่องดื่มที่มีธีมสีฟ้า มาเป็นสีดำมากขึ้น
เดินหน้าอย่างไร้รอยต่อ
“สำหรับการเปิดตัวแคมเปญทุกปี PEPSI ยังคงต้องการให้มีสีสันเพื่อเขย่าตลาดน้ำอัดลมให้สนุกสนานขึ้นเช่นเดิม”
สมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด เล่าให้ฟังว่า การสื่อสารด้วยมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ส่วนหนึ่งคือเป็นธีมของทั่วโลกในการประกาศแฮชแท็กที่ชื่อว่า #forthelovefit และเล่าเรื่องผ่านคลิปนี้
โดยทางประเทศไทยมองว่า เรื่องของดนตรีกับคนไทย ยังคงมีเสน่ห์กับผู้คนในวงกว้าง จึงสานต่อเรื่องของมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ควบคู่ไปกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพมากขึ้น โดยออกสินค้าใหม่อีก 3 SKU เพื่อกระตุ้นตลาดให้คนหันมาใส่ใจเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลมากขึ้น
ทั้งนี้ ทีมบริหารยังกล่าวเสริมด้วยว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ลดปริมาณน้ำตาลหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บภาษีน้ำตาล เพราะเป๊ปซี่ยังมีรุ่นปกติอยู่ เพียงแต่ความต้องการลดหวานของผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไป ทำให้ภาพรวมของธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดี
เห็นได้จากภาพรวมของ Brand Performance 2018 พบว่าภาพรวมตลาด FMCG โต 0.5% ตลาดน้ำอัดลม (CSD/Cola) เติบโต อยู่ที่ 1.6% ซึ่ง pepsi โตกว่าตลาดภาพรวมทั้งหมดในทุกหมวด จึงเร่งที่จะสร้างแบรนด์ที่แข็งแรงขึ้น จากผลสำรวจของ Millward Brown เกี่ยวกับเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้น ถือว่าเป๊ปซี่มีทิศทางการยอมรับที่ดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับรู้แบรนด์ รสชาติที่ดี ความสดชื่นและการมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมต่างๆ
เทรนด์ดนตรีในไทยที่น่าสนใจ คือก่อนหน้านี้ประเทศไทยจะนิยมเพลงแนวป๊อปแดนซ์ เกาหลีหรืออินเตอร์เนชั่นแนล ก็ปรับรูปแบบมาเป็นแนว EDM หรือ เพลง Rap มากขึ้น ส่วนหน่ึงอาจมาจากรายการประกวดร้องเพลง The Rapper หรือ Show Me the Money Thailand ทำให้เพลงทั้งสองแนวเป็นที่นิยมในตลาดมากขึ้น
ทั้งหมดนี้นำมาสู่แคมเปญ ซ่าสุดทุกดนตรี เพื่อสร้างปสก ดนตรีใหม่ๆ ประกอบด้วย การร่วมมือกันระหว่าง 4 แนว ที่ไม่เคยมีมาก่อนโดยเลือกใช้ศิลปินที่มีความโด่งดังและได้รับการยอมรับจากคนฟัง คือ บูมบูมแคช (EDM) , fucking hero (rapper), The Toys (pop), จินตหรา (ลูกทุ่ง,หมอลำ)
นอกจากการดึงศิลปินทั้ง 4 ประเภทมาทำดนตรีร่วมกันแล้ว ยังมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้านอื่นๆ อีกเช่น กิจกรรมเพลงร่วมกับ JOOX
การออกแบบเรื่องของ Packaging ออกดีไซน์ใหม่และมีคิวอาร์โค้ด ทำกิจกรรมได้ โดยที่กระป๋องจะมี QR Code ให้สแกนเพื่อเข้าไปร่วมกิจกรรมทั้งร้องเพลงประกวดหรือโชว์เพื่อนก็ได้ เพื่อชิงเงินรางวัล 1 ล้านบาท
อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือ การร่วมมือกับ Fila แบรนด์แฟชั่นอันดับหนึ่งจากเกาหลีใต้ในการดีไซน์เสื้อผ้า รองเท้า แอคเซสเซอรี่จาก 4 แนวดนตรี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ร่วมกันให้สายแฟชั่นเลือกช้อปไปใส่กันได้
กิจกรรมทั้งหมดนี้ ทำผ่านงบการตลาด 250 ล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นให้เป๊ปซี่มีการเติบโตที่ดีและสร้างมาร์เก็ตแชร์ที่ดีในอนาคต ด้านภาพรวมธุรกิจตอนนี้ Pepsi Co ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ได้แล้วเมื่อ 2 ปีก่อน และยังทำตลาดต่อเนื่องเพื่อเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจนี้
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในธุรกิจน้ำดำนั้น เรียกว่ายังคงดุเดือดเพราะคนไทยนิยมกันมาก ด้วยอากาศที่ร้อนและคนต้องการความสดชื่น การที่จะกวาดตลาดนี้มาได้ก็ต้องพยายามกันทุกรูปแบบ
โดยการใช้กลยุทธ์ที่สอดคล้องทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของ PEPSI น่าสนใจตรงที่ ไม่ได้เด่นด้านใดชัดเจน แต่ผสมผสานกลยุทธ์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพียงแต่รูปแบบจะไม่ใช่การนำออนไลน์มาใช้เพื่อการขาย แต่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแรง และมีความน่าสนใจที่ต่อเนื่องนั่นเอง
เป๊ปซี่ อร่อยซ่าทุกโอกาส แพ็ค 6 ขวด คลิกเลย