เราได้เห็นตัวอย่างจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จของการทำ personal brand หรือการทำตัวเองให้เป็นแบรนด์น่าเชื่อถือในยุคดิจิทัล คนที่ทำได้คือคนที่สามารถสร้างความโดดเด่นและจุดยืนชัดเจน ท่ามกลางมหาสุมทรข้อความข่าวสารที่ชาวโซเชียลต้องพบเจอทุกนาที
infographic จาก BestMarketingDegrees.org ยกสถิติสังคมอเมริกันว่า 81% ของประชากรแดนลุงแซมในขณะนี้ล้วนมีโปรไฟล์บน social media โดย 42% ของประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 138 ล้านคนใช้ LinkedIn เพื่อสร้างเครือข่ายบนความหวังและโอกาสทางการงานในอนาคต ทั้งหมดนี้อาจถือว่าชาวโซเชียลทุกคนลงมือ “branding yourself” หรือสร้างแบรนด์ของตัวเองแล้ว เพียงแต่ทุกคนยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
เมื่อเริ่มแล้วก็ควรทำให้เต็มที่ จุดนี้ infographic ของ BestMarketingDegrees.org บอกว่าควรจะเริ่มด้วยการลงรูป profile ที่แตกต่าง นอกจากนั้นก็ควรบำรุงรักษาโปรไฟล์ social media และหาหนทางเพิ่มเสน่ห์ให้ดึงดูดสายตาคนดิจิทัลในไม่กี่นาที
infographic บอกว่ารูป profile สามารถทำให้เกิดความประทับใจได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 0.1 วินาที และความประทับใจแวบแรกมักจะเกิดกับภาพ profile ที่มองเห็นดวงตาของคนผู้นั้นแบบพอดี โดยใครที่ใช้รูปถลึงตาโตอาจทำให้ผู้เห็นรู้สึกไม่มั่นคง ขณะที่รูปซึ่งปิดบังดวงตาด้วยแว่นกันแดด อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ความประทับใจลดลง
รูปที่เหมาะเป็นรูป profile คือรูปถ่ายที่เห็นช่วงเอวขึ้นไป ครอบคลุมส่วนศีรษะและไหล่ จุดนี้ควรเป็นรูปที่สวมเสื้อผ้าที่เป็นทางการ ยิ่งเป็นทางการมากเท่าใดก็ยิ่งบ่งบอกถึงอิทธิพลและความสามารถมากขึ้นเท่านั้น จุดนี้มีข้อมูลรองรับว่าการยิ้มเห็นฟันยังสามารถทำให้เกิดความประทับใจได้มากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับการอมยิ้มแบบไม่เห็นฟัน
รูป profile เป็นเพียงส่วนหนึ่ง สิ่งที่ไม่ควรลืมคือการอัปเดทความสำเร็จแบบกระชับได้ใจความด้วย เพราะวันนี้ 70% ของนายจ้างผู้รับสมัครงานในสหรัฐฯยอมรับว่าติดตามข้อมูลจากเครือข่ายสังคม ทำให้ LinkedIn ของคนทำงานอาจมีน้ำหนักมากกว่าประวัติการทำงานหรือเรซูเมแบบดั้งเดิม
จุดนี้นอกจากไฮไลต์ความสำเร็จ infographic แนะให้พูดถึงสิ่งที่สนใจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และควรต้องใช้ทักษะการเล่าเรื่องร่วมด้วย เพื่อแสดงให้นายจ้างรู้จักตัวตนของเราได้ชัดอีกขั้น
หากทำได้ การใช้วิดีโอที่สร้างขึ้นมาอย่างดีจะยิ่งสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมมากขึ้นอีก จุดนี้วิดีโอจะช่วยลบข้อครหาเรื่องการใช้โปรแกรมแต่งภาพนิ่งได้ด้วย
แต่ทั้งหมดทั้งมวล โปรดจำไว้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วผู้คนใช้เวลาเพียง 10-20 วินาทีในการชมข้อมูลส่วนตัวของบุคคลผ่านเว็บไซต์ ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ข้อความหรือวิดีโอ ก็ควรทำอย่างรัดกุมรอบคอบ
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ด้านล่าง :
ที่มา: PRDaily