การสำรวจที่บอกว่านักจับจ่ายฟิลิปปินส์และไทยมีความมั่นใจและรู้สึกดีนี้มาจาก Nielsen โดยพบว่าตลอดปี 2016 ที่ผ่านมา ดัชนีความมั่นใจและพึงพอใจของนักช้อปฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นมากที่สุด รองลงมาเป็นประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดอันดับ 2 สะท้อนว่า 2 ประเทศนี้เป็นตลาดที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพสังคมและการเมืองทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลง
นอกจากฟิลิปปินส์และไทย เวียดนามก็ติดอันดับท็อปจากการสำรวจครั้งนี้ด้วย ขณะที่ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียไม่มั่นใจกับการจับจ่ายเท่าไหร่
จากรายงาน Nielsen Global Survey of Consumer Confidence and Spending Intentions พบว่าปี 2016 ดัชนีความมั่นใจของชาวฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นจาก 119 เป็น 132 สูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการสำรวจ รองลงมาเป็นไทยที่มีดัชนีเพิ่มขึ้นจาก 105 เป็น 110 สัดส่วนการเติบโต 5 จุดของไทยเหนือกว่าเวียดนามที่มีดัชนีเติบโต 3 จุด
Nielsen อธิบายในเบื้องต้นว่า ดัชนีความมั่นใจที่เกิน 100 นั้นแสดงว่าคนในประเทศนั้นมีมุมมองแง่ดีต่อความมั่นคง ดังนั้นคะแนนของผู้บริโภคสิงคโปร์และมาเลเซียที่ต่ำกว่า 100 นั้นแสดงว่าประชากรของประเทศยังไม่มั่นใจในสถานะแวดล้อมในท้องถิ่น ทั้งในแง่การเงินของตัวเอง และความมั่นคงทางการงาน
เรื่องนี้ Stuart Jamieson กรรมการผู้จัดการ Nielsen ประเทศฟิลิปปินส์และอาเซียนอธิบายว่าตัวเลขความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ เกิดขึ้นเพราะสภาพเงื่อนไขในประเทศนั้นเป็นมิตรต่อการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะบรรยากาศการจับจ่ายปลายปี จุดนี้นักวิเคราะห์ยกตัวอย่างเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มีตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP เติบโตขึ้นมากกว่า 6.7% และ 6.6% ซึ่งแสดงว่าประชากร 2 ประเทศนี้มีรายได้มากขึ้น
ขณะที่ของไทยไม่ได้เกี่ยวกับ GDP แต่เกี่ยวข้องกับนโยบายลดภาษีล้วนๆ ซึ่งส่งให้ตัวเลขความรู้สึกดีของการใช้จ่ายในประเทศไทยสูงขึ้นเป็นอันดับต้นของตาราง โดยกลุ่มสินค้าฮอตฮิตที่ตลาดอาเซียนจับจ่ายมากที่สุด ประกอบด้วย 4 กลุ่มดังแผนภาพด้านล่าง
บทสรุปจากข่าวนี้คือ ความมั่นใจหรือความรู้สึกดีในการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศเหล่านี้สามารถแปลได้ว่า คนกลุ่มนี้เปิดใจรับการทดลองสินค้าใหม่สูงมาก หลายคนในตลาดนี้จะเริ่มมองหาแบรนด์ใหม่หรือสินค้าใหม่เพื่ออัปเกรดไลฟ์สไตล์ตัวเอง ดังนั้นขอให้แบรนด์อย่าหยุดนิ่ง ทางที่ดีที่สุดคือวางจุดยืนให้เป็นสินค้าที่น่าซื้อหาโดนใจตลอดเวลา
ที่มา: CampaignAsia