ในสถานการณ์ที่หลายธุรกิจมองว่าอยากจะชะลอการใช้จ่ายโฆษณาหรือการสร้างแคมเปญใหญ่เพื่อกระตุ้นตลาดออกไปก่อน เพราะยังไม่ชัดเจนกับสถานการณ์โควิด-19 แต่ทีมบริหารของพิซซ่าคอมปะนี มองว่า ถ้าไม่ลงมือทำตอนนี้อาจเสียโอกาสใหม่ๆ ไป
คุณภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า เดอะพิซซ่าคอมปะนี ไม่ได้มีพรีเซ็นเตอร์มากว่า 10 ปีแล้ว โดยปี 2011 ได้ใช้โน้ต อุดม แต้พานิช เพื่อสื่อสารความเป็นผู้ใหญ่ วัยทำงานและครอบครัวกลุ่มเจน X และ Y
จนมาถึงยุค 2021 เราก็มองว่าแบรนด์เดอะพิซซ่านั้น มีลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาใช้บริการเยอะขึ้น เราจึงต้องการตัวแทนของคนรุ่นใหม่กลุ่มเจน Y, Z หรือนักเรียน นักศึกษา วัยทำงานมาใช้บริการมากขึ้น
พฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่มก็มีความแตกต่างกัน อย่างกลุ่มครอบครัวจะเน้นการสั่งเมนูอาหารที่หลากหลายปริมาณไม่เยอะ ส่วนวัยรุ่นจะมาเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก เน้นเมนูที่มีปริมาณเยอะๆ และราคาไม่แพง
แม้ปัจจุบันจะต้องปิดสาขาจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ด้วยจำนวนสาขาทั้งหมดกว่า 426 แห่ง เราปิดในบางจังหวัดหรืออำเภอที่มีการติดเชื้อรุนแรงไปประมาณ 7 แห่ง เช่น ภูเก็ต ชลบุรี สมุทรสาคร พัทยา แต่ยังคงให้บริการในรูปแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับไปทานท่ีบ้าน
“ก่อนจะเกิดโควิด-19 นั้น ต้องเรียกว่าการนั่งรับประทานที่ร้านถือว่าเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท แต่ขณะนี้ช่องทางนี้รายได้หายไปเยอะจากมาตรการห้ามทานที่ร้านและหนักไปทางการสั่งออนไลน์ 60% หรือสั่งกลับไปทานที่บ้าน 30%”
ทำไมเลือกทำตลาดนิวยอร์คซ้ำ
คุณภาณุศักดิ์ กล่าวว่า ด้วยความสำเร็จของการเปิดตัวเมนู
นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่
“นอกจากแป้งพิซซ่าโฮมเมดที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Nitch Market แล้ว การใช้วัตถุดิบนำเข้าแม้ต้นทุนจะสูงแต่ถ้าเราไม่เริ่มทำตลาดในเซกเมนต์นี้ก็อาจจะเสียโอกาส เดอะพิซซ่าคอมปะนีถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีส่วนแบ่งตลาดรายใหญ่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสนี้”
การกลับมาใหม่ครั้งนี้ จะมีเมนูใหม่เพิ่มเข้ามาและใช้พรีเซ็นเตอร์วัยรุ่นอย่างไอซ์-พาริส เข้ามาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ รวมทั้งจะทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาทในระยะแคมเปญ 2 เดือนก่อนจะมีแคมเปญใหญ่อีกครั้ง
“การทำแคมเปญรอบนี้ จะใช้ระยะเวลาไม่นานเพียง 1-2 เดือน แต่จะทำตลาดเน้นหนักไปที่ช่องทางออนไลน์ หวังให้เกิดกระแสไวรัล ซึ่งเรารู้ดีว่ามันการันตีไม่ได้ว่าคอนเทนต์ไหนจะดัง แต่เราก็พยายามจะสร้างสรรค์ตลอดเวลา อย่างน้อยให้แบรนด์ของเรายังเป็นที่พูดถึงในสถานการณ์แบบนี้ อยากให้อยู่ในดวงใจของผู้บริโภค”
เศรษฐกิจไม่ดีคนจะกล้าซื้อเหมือนเดิมไหม
คุณภาณุศักดิ์ ตอบว่า ช่วงโควิด-19 ไม่ว่าจะทำธุรกิจใดก็เจอผลกระทบเรื่องรายได้ทั้งนั้น บริษัทใหญ่ก็แบกต้นทุนเยอะเหมือนกันนะครับ อยากให้ภาครัฐมีโครงการช่วยเหลือเราบ้าง อย่างเช่น โครงการคนละครึ่งก็อยากให้ใช้งานกับพวกเราได้บ้าง เพราะเราก็ต้นทุนสูงเหมือนกัน
หรือจะมีโครงการมาช่วยมาดูแลพนักงานพาร์ทไทม์ของเราบ้าง เพราะสาขาก็มีโดนปิด ทำให้พนักงานประจำก็ต้องลดเวลาการทำงานและลดจำนวนพนักงานพาร์ทไทม์ลงถ้ามีการชดเชยคนกลุ่มนี้ได้ก็น่าจะดี ซึ่งเราก็คาดหวังว่าช่วงกลางปีจะดีขึ้น