สมัยนี้ไม่ว่าเพจหรือแบรนด์ก็มักจะทำ SEO โดยมุ่งหวังว่าจะสร้างกระแสจาก “คำที่ใช่” หรือมีแนวโน้มว่าคนจะค้นหาคุณเจอมากขึ้นใช่ไหมคะ ยิ่งพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่นั้นนิยมใช้ Google และ Facebook ในการค้นหาสินค้าและบริการมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความต้องการในการเข้าไปสู่สายตาของแบรนด์และนักการตลาดยิ่งมากขึ้นไปด้วย
วันนี้ thumbsup จะมาแนะนำเทคนิคการวางแผนสร้าง Keyword Planner มาฝากกันค่ะ
จำเป็นไหมต้องทำ SEO
หากคุณกำลังเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องการทำบทความเพื่อให้คนค้นหาแบรนด์หรือเพจคุณเจอง่ายขึ้นนั้น ก็อาจจต้องทำแต่ถามว่าจำเป็นต้องทำแบบมากสุดๆ เลยไหม บอกเลยว่าไม่ถึงขั้นนั้น หากคุณไม่ได้เน้นทำเว็บขึ้นมาเพื่อสร้างกระแสหรือปั่นเว็บอะไรสักอย่าง เพราะตามปกตินั้น การเข้าถึงเว็บไซต์ของนักท่องอินเทอร์เน็ตมักจะเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่ยืนยาว คือค้นหาเมื่อไหร่ก็เจอ หรือสร้างทราฟิกให้แก่เว็บไซต์ คนเข้ามาอ่านซ้ำๆ ได้ มากกว่าการสร้างกระแสที่ฉาบฉวย
และนั่นถึงเป็นเหตุให้ต้องวางแผนในเรื่องของการทำคีย์เวิร์ดที่จะเข้าถึงคนได้ เพราะคีย์เวิร์ดนั้น ก็เปรียบเสมือนการคาดเดาความคิด ความต้องการและความน่าจะเป็นของคนที่จะค้นหา จนได้มาเจอแบรนด์ของคุณบนโลกออนไลน์นั่นเองค่ะ
ใช้งาน Keyword Planner อย่างไรให้สำเร็จ
การใช้เครื่องมือ Keyword Planner ของ Google นั้น สามารถเปิดใช้งานผ่านเครื่องมือท่ีชื่อว่า Google Ads ได้เลยไม่ยาก แต่ต้องมีการพิสูจน์ตัวตนและยืนยันบัญชีให้เรียบร้อย
จากนั้นก็เริ่มวางแผนที่จะสร้างคีย์เวิร์ดหรือคำที่คนทั่วไปนิยม โดยใช้หลักเกณฑ์ประมาณว่า คำที่คนนึกถึงทันทีเมื่อพูดถึงสิ่งนั้นๆ คำที่คนกำลังให้ความสนใจ หรือคำที่จำได้ง่าย ซึ่งสามารถใส่ในระบบได้สูงสุด 10 คำ และใส่ไปในกล่อง Discover New Keywords ที่เพิ่มได้สูงสุด 10 คำเพื่อเปรียบเทียบยอดการค้นหาในแต่ละเดือน
โดยคุณสามารถเลือกใช้งานเป็นคำคำเดียว วลีหรือลิงก์ url ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณก็ได้ เมื่อกด Get result จะเห้นคำที่คุณค้นหาและเกี่ยวข้องจะปรากฏขึ้นมา จากนั้น ก็นำคำเหล่านี้ไปใช้วัดผลและต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในการสร้างคอนเทนต์ได้ไม่ยากเลย
คำที่ต้องรู้ไว้ขณะทำ Keyword Planner นะคะ
- Average Monthly Searches : จำนวนการค้นหาโดยเฉลี่ยต่อเดือน
- Competition : การแข่งขันของคำที่เราเลือกจะมี 3 ระดับ คือ สูง กลาง ต่ำ ยิ่งคำค้นหานั้นอยู่ในระดับสูงก็หมายถึงการแข่งขันกับเว็บอื่นๆ ก็สูงเช่นกัน
- Top of Page Bid (Low Range / High Range) : การแสดงราคาประมูลเฉลี่ยในตำแหน่งต่ำหรือลำดับท้ายๆ แต่ถ้าราคาประมูลเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงก็จะอยู่ในระดับสูงของลำกับการค้นหาค่ะ
- Click through rate (CTR) : อัตราการคลิกต่อจำนวนการมองเห็น
- Cost per Click (CPC) : การจ่ายเงินให้กับผู้เผยแพร่เมื่อมีการคลิกดูโฆษณา
สิ่งที่ต้องรู้ในการทำ Keyword Planner
นอกจากการคิดคำเพื่อให้ค้นหาเจอได้ง่ายแล้ว สิ่งที่คุณต้องมีในการทำ Keyword Planner ก็คือต้องใช้คำที่หลากหลายและรอบด้านนะคะ บางทีถ้าเราใช้เพียงแค่คำที่ชัดเจนเพียงคำเดียวอาจจะไม่ได้เพิ่มโอกาสการค้นหาเสมอไป
ด้วยธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง ลองจินตนาการคำเพื่อใส่ในระบบกันค่ะ เช่น ประกัน หากต้องแตกย่อยไปอีก 10 คำที่คาดว่าจะมีคนค้นหามากที่สุดก็อาจจะเป็น สุขภาพ ตรวจภายใน ฝากท้อง ตั้งครรภ์ หัวใจ เบาหวาน หลอดเลือด หมอ คุณหมอ (ชื่อ) คุ้มค่า โรงพยาบาล บริษัทประกัน คุ้มค่า จ่ายถูก คุ้มครองครบ เจอจ่ายจบ ประกันภัย ประกันสุขภาพ ป่วย มะเร็ง บริการดี เป็นต้น
เห็นไหมคะ ขนาดคิดคำที่น่าจะเป็นแบบรอบด้านในหมวดธุรกิจประกันเพียงแค่อย่างเดียวยังสามารถแตกย่อยออกไปได้เยอะแยะเลย หากค่อยๆ ลองนึกคำที่รอบด้านตรงกับธุรกิจก็น่าจะมีคำที่เฉพาะเจาะจงมากกว่าและน่าสนใจในการค้นหาได้มากกว่าแน่นอนเลย
นอกจากเรื่องของคำที่นำมาใช้เป็นคีย์เวิร์ดแล้ว หากใช้เป็นประโยคสั้นๆ ก็น่าสนใจนะคะ ไม่ว่าจะเป็น ประโยคคำพูด คำถาม ข้อสงสัย ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ
โดยเลือกฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Keyword Text จากนั้นก็เลือกใช้ประโยคสั้นๆ ในการตั้งคำถามได้เลย เช่น ทำไม ที่ไหน อย่างไร แค่ไหน ใคร ซึ่งประโยคสั้นๆ ที่ใส่ในกล่องการค้นหานั้นสามารถใช้การเว้นวรรค หรือผสมกับการพิมพ์ติดกันก็ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาให้มากขึ้น
ต่อเนื่องกับการใช้คำว่าในธุรกิจโรงพยาบาล ลองคิดเป็นประโยคสั้นๆ กันดูนะคะ เช่น หมอโรงพยาลไหนเก่ง หมอที่ไหนดี โรงพยาบาล ( ) บริการดีหรือไม่ หมอคนในรักษาอาการ…ดี ป่วยเป็นโรค รักษาที่ไหนดี เป็น ( ) รักษาที่ไหน ตรวจโควิดที่ไหน ตรวจภูมิโควิดที่ไหนดี โรงพยาบาลตรวจโควิด เป็นต้น
อันนี้เป็นตัวอย่างและแนวทางสั้นๆ สำหรับคนที่กำลังหาโอกาสเพิ่มการค้นหาบนโลกโซเชียลในการทำคอนเทนต์ต่างๆ และยังนำมาใช้ประเมินความนิยมในการเข้าไปอ่านข้อมูลของคนที่ติดตามคอนเทนต์ของเราอีกด้วย
หรือเอาไปใช้เป็นไอเดียในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ในอนาคตก็ยังได้ เพราะถ้าคอนเทนต์คุณดี ค้นหายังไงก็เจอแน่นอนว่าย่อมมีโอกาสในการเข้าถึงผู้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ และประสบความสำเร็จแน่นอนค่ะ
ที่มา : Google Ads, Stepstraining