ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หากคิดเป็นค่าเสียโอกาสในด้านสุขภาพและด้านการท่องเที่ยว อาจมีมูลค่าสูงถึง 2,600 ล้านบาท
จากความเสียหายที่ถูกประมาณการสูงขนาดนี้ ภาคธุรกิจจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง เพราะวิกฤติฝุ่น PM 2.5 กระทบถึงพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจ เรามาวิเคราะห์ผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งผลดีละผลเสียกันค่ะ
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปชั่วขณะ
พฤติกรรมนี้รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันซึ่งส่งผลต่อยอดขายสินค้าต่างๆ ด้วย สังเกตว่าเรามักเห็นคนใส่หน้ากากเดินผ่านไปมา เนื่องจากวิกฤตฝุ่นที่ตอนนี้เข้าขั้นโคม่า เจอฝุ่นนิดเดียวอาจต้องไอกันเป็นวันใครที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วยิ่งต้องระวังตัวเอง มาดูกันค่ะว่าพฤติกรรมจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนเมื่อชีวิตนอกบ้านอันตรายเกินกว่าจะควบคุม
พฤติกรรมการใช้จ่าย
หลายคนเลือกที่จะงดออกจากบ้านและหาร้านอาหารใกล้บ้านทานแทนเนื่องจากอากาศข้างนอกเป็นพิษทำให้ไม่อยากเคลื่อนย้ายไปไหนไกล หรือถ้าออกก็ต้องมีเป้าหมายที่จะไปจริงๆ ทำให้ส่งผลต่อย่านการค้า หรือโซนร้านอาหารที่เคยเป็นย่านช็อปชิมชิลล์มาก่อน
พฤติกรรมการเสพสื่อ
เรียกว่าวิกฤติฝุ่น PM 2.5 เป็นข่าวใหญ่ที่ต่อให้ละเลยไปก็ได้รัลผลกระทบอยู่ดี สังเกตได้ตามคอมเมนต์ที่บอกว่าตื่นมาจะชอบไอ ขนาดอยู่ในบ้านยังไม่ปลอดภัย นอกบ้านคงเจอมลพิษกันหนักหน่วง ยิ่งทำให้คนหันมาเสพสื่อจากเพจที่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น มีการติดตามข่าวมากขึ้น อยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นอีกด้วย
แน่นอนว่าเพราะค่าฝุ่น 2.5 ประชาชนตามข่าววันต่อวัน หากธุรกิจที่มีช่องทางการขายออนไลน์อยู่แล้ว สามารถนำจังหวะนี้โปรโมทสินค้าผ่านออนไลน์ทคอนเทนต์เกี่ยวกับค่าฝุ่น PM2.5 ได้ (ถ้าแบรนด์เกี่ยวพันธ์กับอากาศหรือฝุ่น PM 2.5) เรียกว่าในเรื่องร้ายมีเรื่องดีเสมอ
เกิดธุรกิจทำเงินใหม่
เชื่อว่าสินค้านี้คงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดนั่นก็คือ “หน้ากากกัน PM 2.5” และเครื่องฟอกอากาศ ถ้าคุณเดินไปตามริมท้องถนนจะพบแผงลอยขายหน้ากากกัน PM 2.5 กันเยอะมากๆ จากที่แต่ก่อนจะขายเป็นของกิ๊ปช็อปเล็กๆ หากร้านไหนพรีออเดอร์ก็นำ หน้ากากจากญี่ปุ่นมาขาย หรือจะเป็นร้านดีไอเดียที่นำหน้ากากมาตกแต่งจนกลายเป็นเครื่องประดับ
ประเทศไทยก็ยังคงครีเอทเสมอแม้เวลานั้นจะเจอวิกฤตร้ายแรงเพียงใด ส่วนเครื่องฟอกอากาศที่แต่ก่อนเรียกว่าถูกเมินสุดๆ ตอนนี้กลายเป็นขายดีชนิดหาซื้อแทบไม่ได้ ทำให้หลายๆ ร้านเลือกนำเข้าเครื่องฟอกอากาศเข้ามาหรืออาจใช้จังหวะนี้บวกราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ เป็นไปตามกฏ Demand & Supply คือเมื่อความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ระดับราคาจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
เทรนด์ใส่ใจสุขภาพมาแรงขึ้น
เพราะค่าฝุ่นที่รุนแรงทำให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอาหาร ผัก ผลไม้ รวมถึงเครื่องมือใส่ใจสุขภาพนั่นเองไม่ว่าจะเป็นที่นอนกันไรฝุ่นต่างๆ เครื่องกรองอากาศสำหรับแปะหน้าลมแอร์ ซึ่งเทรนด์สุขภาพนี้เป็นเทรนด์ดังปีที่แล้ว ที่เชื่อว่าจะกลับมาบูมอีกครั้งในปีนี้ 2019 นี้อีก
Content PM 2.5 ว่อนโซเชียล
ถึงตอนนี้ประเทศจะเจอเรื่องวิกฤติร้ายแต่หลายเพจทั้งจาก Blogger เองหรือธุรกิจร้านค้าออนไลน์ก็เลือกที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างร้าน Multy Beauty ที่จัดโปรโมชั่นซื้อครบ 100 รับฟรีหน้ากากกรณีมาซื้อที่ร้านเท่านั้น
เหมือนใช้หน้ากากเป็นจุดดึงดูดลูกค้าให้สนใจ รวมถึง PR Brand ร้านค้าให้เป็นภาพลักษณืใส่ใจลูกค้าอีกด้วย
หรือถ้าย้ายมาที่ Blogger ก็คือคุณหนูเนยที่ได้ทำคอนเทน์วิดิโอและบทความการสร้าง “เครื่องฟอกอากาศ” ด้วยตนเองในงบหลักพัน
ก็เรียกกระแสไปได้ไม่น้อย เพราะเป็นการจับจุดเด่นของเพจบวกกับกระแสตอนนั้นได้อย่างลงตัว
ไม่ว่าปัจจุบันธุรกิจจะเจออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน ขอให้แบรนด์พยายามหาทางแก้ไขพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เพิ่มความใส่ใจให้กับลูกค้าอย่างจริงใจ แบรนด์ก็สามารถเติบโตได้ภายใน Crisis ที่เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงวิกฤติเป็นเรื่องปกติที่แบรนด์ต้องเจอ แต่การรับมือให้ผ่านวกฤติได้ต่างหากคือหัวใจสำคัญที่จะประคองธุรกิจให้อยู่รอด