การสำรวจพบว่าในทุก 1 วินาทีที่ชาวสมาร์ทโฟนเปิดเพจได้ช้าลง โอกาสสร้างกำไรจะลดลงถึง 7% ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างถึง 40% ยอมรับว่าจะไม่ทนใช้งานระบบที่ยาก และจะหันไปใช้งานบริการของคู่แข่งแทน ที่สำคัญ 78% เห็นด้วยว่าร้านค้าควรมีช่องทางการชำระเงินทางเลือกที่ใช้งานได้สะดวกบนสมาร์ทโฟน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า 3 สิ่งที่บริษัทอีคอมเมิร์ชต้องทำในวันที่กระแสสมาร์ทโฟนมาแรงแซงทุกโค้ง คือการพัฒนาให้ระบบโมบายล์ไซต์มีความเร็ว-ง่าย-และให้ช่องทางชำระเงินทางเลือก
ข้อสรุปเหล่านี้ถูกรวบรวมโดย Shopvisible ซึ่งยกข้อมูลการเติบโตของตลาดโทรศัพท์มือถือโลกขึ้นมาอ้างอิงตามธรรมเนียม โดยพบว่าตลาดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นของ 2 ระบบปฏิบัติการชื่อดังอย่าง Android และ iOS ที่มีการประเมินว่าในช่วงปี 2013 ถึง 2014 จะเป็นปีทองของ Android ที่ขึ้นมาแซงหน้า iOS ส่วน Blackberry และ Windows Mobile ก็ดูเหมือนว่าจะเหลือส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สิ่งที่มาแรงพร้อมการเติบโตของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนคือการซื้อขายสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Commerce) เพราะการสำรวจพบว่าปลายปี 2011 ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มียอดการใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีการประเมินว่าจะทำยอดสูงขึ้นถึง 17,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯในปีนี้ (2013) และ 31,000 ล้านเหรียญในปี 2016
การสำรวจกลุ่มตัวอย่างในสหรัฐฯพบว่า การซื้อขายสินค้าทางโทรศัพท์มือถือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% จากการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือด้วยระบบปฏิบัติการ iOS มากที่สุดเป็นอันดับ 1 (75%) รองลงมาเป็น Android (18%) Blackberry (1.5%) และ Windows Mobile (0.5%)
และด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Mobile Commerce นี้เอง ทำให้ธุรกิจค้าปลีกจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจและวางแผนที่จะลงทุนในด้าน Mobile Commerce มากถึง (54%) ตามมาด้วย Social Media (40%) Social Commerce (37.1%) Pay Per Click (25.7%) และ E-mail (22.9%)
สิ่งสำคัญที่ร้านค้าและแบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจผ่าน Mobile Commerce ก็คือ การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นมิตร (Mobile Friendly) เหมาะสำหรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์มือถือโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย โหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการหาสินค้า ซึ่งการสำรวจพบว่าการที่ลูกค้าต้องเจอกับปัญหาการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 40% หันไปหาเว็บไซต์คู่แข่งหรือเว็บไซต์อื่นทันที รวมไปถึงจะไม่ให้ความสนใจกับเว็บไซต์ที่มีปัญหาในเรื่องการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าแต่ละคนก็มีความความต้องการในการชำระค่าสินค้าที่แตกต่างกัน โดยการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่กว่า 78% นิยมชำระเงินผ่าน Google Checkout, Paypal หรือ Amazon Payment ในขณะที่อีก 22% นิยมชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
ดังนั้นห้ามลืมกฎทอง 3 ข้อที่จะทำให้ Mobile Commerce เป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายในอนาคต
ที่มา: Visual.ly