ด้วยมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่ ecommerce IQ เปิดเผยข้อมูลว่าในปี 2016 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย สูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นธุรกิจแฟชั่น ประมาณ 390 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 13,650 ล้านบาท ทั้งยังเป็นกลุ่มสินค้าทีมีอัตราการเติบโตสูงถึง 49%ทำให้ผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมอย่าง PP Group จะลองเข้ามาเป็นผู้เล่นบ้างแล้ว
สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ และโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ PP Group เล่าให้ฟังว่า จากแนวโน้มการเติบโตของอีคอมเมิร์ซทำให้เราตัดสินใจลงทุนพัฒนาเว็บไซต์ ขึ้นมา โดยเลือก Longchamp เป็นสินค้ากลุ่มแรกในการทำตลาด
ธุรกิจของ พีพี กรุ๊ป คือเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ Céline (เซลีน), Emilio Pucci (เอมิลิโอ ปุชชี่), Givenchy (จีวองชี่), Loewe (โลเอเว่), Longchamp (ลองฌอมป์), MCM (เอ็มซีเอ็ม), Roger Viiver (โรเฌร์ วิวิเยร์), Tod’s (ท็อดส์) และ Tory Burch(ทอรี่ เบิร์ช) ซึ่งเป็นสินค้า Hi-End ทั้งสิ้น ภาพรวมธุรกิจก็เติบโตดี ปีที่แล้วโต 40% ยอดขายรวม 1,000 ล้านบาท และปีนี้ลงทุนอีก 200 ล้านบ้านในการทำสาขาเพิ่มและกิจกรรมส่งเสริมการขาย จึงตั้งเป้าปีนี้ไว้ที่ 1,200 ล้านบาทหรือประมาณ 20%
ส่วนเหตุผลที่สนใจเรื่อง E-Commerce เพราะเทรนด์ดิจิทัลโตขึ้น เราก็ต้องปรับตัว ยิ่งแบรนด์ Luxury จะมีเรื่องของ Emotional เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าเรื่องของ Functional เพียงอย่างเดียว แม้ว่าราคาสินค้าจะสูงแต่เพื่อให้ประทับใจ การทำ E-Commerce ของเราต้องไม่ละเลยเรื่องนี้
“ไม่ใช่แค่ลูกค้าส่ังออนไลน์ จ่ายเงินและจบ แต่เราเน้นดูแลหลังการขายให้ดี ประทับใจ อยากกลับมาซื้อซ้ำ นั่นเป็นหัวใจหลักที่เราเริ่มเข้าออนไลน์ช้า แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดตลาดลูกค้าใหม่และยังคงรักษาลูกค้าเก่าไว้”
ด้านช่องทางดิจิทัล มีการทดลองขายผ่าน Line มาระยะหนึ่ง ในสินค้า Longchamp และ MCM เพื่อตอบโจทย์คนที่เข้ามาในเมืองไม่ได้ และตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ ก็เลยเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา ส่วนการเลือกขาย Longchamp เพียงแบรนด์เดียวก่อน เพราะสินค้าตอบโจทย์คนหมู่มากและเหมาะกับตลาดเมืองไทย รวมทั้งราคาก็เป็นที่เอื้อมถึง ซึ่งตอนที่ทดลองทำออนไลน์ก็มียอดขายในส่วนออนไลน์เข้ามา 80% ส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ คนจะเดินเข้าสาขามากกว่า
ด้าน Target จะเป็นผู้หญิง อายุ 25-40 ปี ช่วงเวลาก่อน 11.00 โมง จะมีลูกค้าเข้ามาช้อปเยอะ และเราทำเว็บออกมาแบบ Responsive ทำให้รองรับการเข้าใช้งานทั้งมือถือและคอม แน่นอนว่า 80% ลูกค้าใช้งานผ่านมือถือ แต่ Tablet และ Desktop ก็เรียงตามลำดับ ขณะนี้มีสินค้ากว่า 100 SKU ที่จำหน่ายผ่านเว็บ แต่ก็จะเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากขึ้น และเพิ่มในส่วนของสินค้าผู้ชายด้วย รวมทั้งใช้กลยุทธ์ Pre Launch เพื่อกระตุ้นตลาดร่วมด้วย คิดว่าน่าจะช่วยให้ยอดขายผ่านออนไลน์อยู่ที่ 5% จากยอดขายทั้งหมดในปีหน้า
ส่วนแบรนด์ที่มองไว้เพิ่มเติมว่าจะมาขายออนไลน์คงเป็น MCM เพราะสินค้า Luxuary ยังไงก็ต้องช่องทาง Offline ก่อน เพราะเรื่องบริการเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเรามีสาขาของ Longchamp ในกรุงเทพ 5 สาขาเป็น Flagship Store ที่ Emporium กับ Siam Paragon
แม้ว่าจะมีหลายแบรนด์จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce แต่ก็ยังมั่นใจว่าจุดแข็งของเราสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น การเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จึงมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้, การดูแลลูกค้าออนไลน์ระดับเดียวกับซื้อผ่านหน้าร้าน ทั้งการส่งซ่อม เปลี่ยนสินค้า รวมทั้งบริการหลังการขายอื่นๆ, มีสินค้า Exclusive เฉพาะออนไลน์เท่านั้น และราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 4,000-40,000 บาท ถือว่าเหนือกว่าร้านรับหิ้วแน่นอน
เรียกได้ว่าแบรนด์ใหญ่งัดทุกกลยุทธ์มาสู้กับร้านรายย่อยบนช่องทางออนไลน์อย่างแท้จริง มั่นใจได้เลยว่าของปลอม ของก็อปบนช่องทางออนไลน์ที่คนกังวลจะลดลงได้แน่นอน เพราะตัวแทนนำเข้าและเจ้าของแบรนด์หันมาจับตลาดนี้กันมากขึ้นแล้ว