เป็นการให้สัมภาษณ์ที่เด็ดขาดทีเดียว สำหรับนายใหญ่ของ P&G อย่าง Marc Pritchard ที่ออกมาประกาศชัดเจนในงานสัมมนา Masters of Marketing Conference ว่าจะเดินหน้านโยบายหั่นงบโฆษณาออนไลน์ของบริษัทลงอย่างต่อเนื่อง หลังมีตัวเลขพิสูจน์แล้วว่า การกระทำดังกล่าวไม่กระทบต่อยอดขายใด ๆ ของบริษัท แถมยังมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นด้วย
โดยการประกาศครั้งนี้ของ Pritchart เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้เองในงาน Masters of Marketing Conference ซึ่งจัดโดย The Association of National Advertisers หรือ ANA ที่นายใหญ่ของ P&G ออกมาบอกว่า บริษัทได้ทำการตัดงบค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ (ในด้านการซื้อสื่อโฆษณา) ไปแล้วมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สามารถมั่นใจได้ว่าโฆษณาเหล่านั้นจะไม่ไปปรากฏอยู่หน้าคลิปของบรรดาผู้ก่อการร้าย
นอกจากนั้น P&G ยังย้ำชัดด้วยว่าจะยุติการใช้จ่ายบนสื่อดิจิทัลที่ไม่มีการควบคุมโดยหน่วยงานภายนอก หรือก็คือขาดความโปร่งใสในการดำเนินงานภายในสิ้นปีนี้ (2017) ด้วย
ประโยชน์ที่ได้กลับมาจากการตัดค่าใช้จ่ายตามที่นายใหญ่ P&G ประกาศในครั้งนี้ก็คือ P&G สามารถลงทุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรอย่างแท้จริง ด้วยการสร้างโฆษณาและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ดีขึ้นเพื่อนำไปสู่การเพิ่มยอดขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมกันนี้ Pritchard ยังกล่าวด้วยว่า บริษัทมีการทำงานร่วมกับ Facebook, Instagram, Snap และ WeChat ในการสร้างโฆษณาดิจิทัลเจเนอเรชันใหม่ รวมถึงทำงานร่วมกับ Amazon และ Alibaba ในการใช้ข้อมูล Unique ID เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นว่าเมื่อไรที่พวกเขาพร้อมจะซื้อสินค้า โดย P&G มองว่า ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจ e-Commerce ได้อย่างรวดเร็ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ มันสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า แบรนด์ใหญ่อย่าง P&G กำลังหาทางก้าวข้ามปัญหา Brand Safety ด้วยการยกระดับการพูดคุยไปสู่ Quality Media Content ที่แต่ละแพลตฟอร์ม แต่ละเอเจนซี ต้องหาทางทำให้ผู้ลงโฆษณามั่นใจให้ได้ว่า เงินที่จ่ายให้กับแพลตฟอร์มไปนั้นจะนำไปสู่การเสนอโฆษณาในช่องทางที่เหมาะสม และปลอดภัย โดยเขาได้ทิ้งท้ายไว้อย่างชัดเจนด้วยว่า P&G ไม่สามารถชี้สั่งได้ว่าใครควรทำอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือ เราจะไม่ทิ้งเงินของเราไปกับแพลตฟอร์มที่ไม่ปรับตัว
ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลกบอกมาเช่นนี้ ทางออกคงมีแค่ ไม่ปรับตัวก็เตรียมตัว…ได้เลย
ที่มา: Business Insider