พูดถึง LinkedIn รูปแบบสังคมออนไลน์สำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มผู้ทำงาน เพื่อให้คุณได้เก็บข้อมูล ประวัติการทำงาน รวมไปถึงการแปะเอา CV ของคุณไปใส่ไว้ หลายต่อหลายคนที่ผมรู้จัก ก็มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทใหญ่ โดยผ่านช่องทางของ LinkedIn นี่ล่ะครับ และเพื่อโอกาสของคุณ ที่อาจจะไม่ได้มีมาบ่อยนัก การสร้าง LinkedIn Profile แบบมืออาชีพจึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง…
LinkedIn เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์สำหรับมืออาชีพที่ต้องการสร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเอง แต่ก่อนที่คุณจะสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการสร้าง Profile ของคุณขึ้นมา การสร้าง Profile ก็เปรียบเสมือนการสร้างแบรนด์ที่เป็นตัวคุณขึ้นมา คุณต้องสร้างแบรนด์ของคุณอย่างมืออาชีพ โดยทำให้แบรนด์ของคุณมีความน่าสนใจ ดึงดูด และดูดี นอกจากนี้คุณควรใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติในการเล่าเรื่องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณด้วยโดยคุณสามารถเล่าเรื่องราวของตัวคุณได้โดยมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้
1. อย่าตัดแปะ Resume -?LinkedIn ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการหารงาน-คนเท่านั้น แต่ LinkedIn ยังสามารถช่วยให้คุณสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้อีกด้วย ใน LinkedIn คุณควรทำให้คนอื่นรู้จักคุณก่อน โดยอาจจะเริ่มจากการเขียนประสบการณ์ หรือความสามารถของคุณให้มีความน่าสนใจและน่าดึงดูด การนำ Resume ของคุณมาตัดแปะใส่ใน LinkedIn เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมันจะทำให้ Profile ของคุณดูไม่น่าสนใจ
2. แนะนำตัวอย่างมืออาชีพ -?คุณสามารถสร้างความน่าสนใจให้กับ Profile ของคุณได้ด้วยการเลือกใช้ภาษาที่น่าดึงดูด และดูเป็นธรรมชาติ โดยอาจใช้ข้อความที่แสดงการกระทำอะไรบางอย่างมากกว่าคำพูดว่าคุณมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ/รับผิดชอบอะไร (ตัวอย่างเช่น ควรใช้คำว่า ?Managed project team? แทนคำว่า ?responsible for project team management?) นอกจากนี้ควรใช้ภาษาที่เหมาะสมเมื่อกล่าวถึงบุคคลที่สาม จินตนาการว่าคุณจะแนะนำตัวอย่างไรหากคุณอยู่ในที่ประชุมหรือกำลังนั่งคุยกับลูกค้า การใช้ภาษาที่เป็นตัวคุณเองนั้นดีที่สุด
3. เขียนข้อความต่อท้ายชื่อของคุณให้น่าสนใจ -?เมื่อมีคนค้นหาชื่อของคุณสิ่งแรกที่เขาเห็นต่อจากชื่อของคุณก็คือข้อความต่อท้ายชื่อของคุณ ข้อความนี้ควรเป็นข้อความที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณ (ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ e-mail ต่อท้ายชื่อของคุณ เพราะ e-mail ไม่ได้บอกความเป็นตัวตนของคุณ) ตำแหน่งและบริษัทที่คุณทำงานเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรจะนำมาใส่ในข้อความต่อท้ายชื่อของคุณ หรือคุณอาจจะใช้ข้อความที่โดดเด่นสะดุดตาและสามารถอธิบายตัวตนของคุณ เพื่อทำให้คุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นก็ได้
4. เริ่มต้นเล่าเรื่องของคุณให้น่าติดตาม -?ให้สมมุติว่าคุณมีเวลา 30 วินาทีในการแนะนำตัวให้คนสนใจในตัวคุณ สิ่งที่คุณควรจะพูดก็คือคุณคือใครและคุณทำอะไร และใช้ส่วนของ ?Summary? ในการสรุปให้น่าติดตามโดยสมมติว่าคุณมีเวลา 5-10 วินาทีในส่วนนี้ ยิ่งคุณสามารถสรุปได้น่าติดตามมากเท่าไหร่ คนฟังก็จะยิ่งสนใจในตัวคุณมากขึ้นเท่านั้น
5. ชี้ให้เห็นถึงความถนัด และความสามารถของคุณ -?ในการระบุความรู้ความสามารถเฉพาะทาง หรือความถนัดของคุณ คุณควรใช้ข้อความที่จะสามารถค้นเจอได้ง่ายใน Search Engine เพื่อให้คนที่มีความสนใจในด้านเดียวกับคุณสามารถหาคุณเจอได้ง่าย ในขณะเดียวกันการระบุความรู้ด้านความสามารถเฉพาะทาง หรือความถนัดของคุณ จะช่วยคัดกรองคนที่จะเข้าถึงคุณได้ด้วย ในส่วนนี้คุณสามารถระบุทักษะ หรือสิ่งที่คุณสนใจ เช่น คุณค่าหรือสิ่งที่คุณมีพิเศษกว่าคนอื่น ความเป็นมืออาชีพในด้านใดด้านหนึ่งของคุณ หรือคุณอาจจะใส่ข้อความที่แสดงความเป็นกันเองลงไปก็ได้
6. อธิบายประสบการณ์ของคุณให้กระชับ -?การอธิบายประสบการณ์ของคุณจะช่วยให้คนอ่านสามารถจับใจความสำคัญ ๆ ได้ เพียงแค่คุณอธิบายสั้น ๆ ถึงสิ่งที่บริษัทของคุณทำ และอะไรที่คุณทำอยู่ในบริษัท โดยให้จินตนาการว่าคุณกำลังอยู่ในที่ประชุม ใช้ข้อความที่มีความชัดเจนและมีความเหมาะสมที่จะสามารถอธิบายความเป็นตัวคุณและบริษัทที่คุณทำงาน และที่สำคัญทำให้ประสบการณ์ของคุณดูดึงดูด น่าสนใจ
7. สร้างความแตกต่างให้กับตัวคุณเอง -?เพิ่มความสมบูรณ์ให้กับ Profile ของคุณ ด้วยการใส่สิ่งที่คุณมีความสนใจเป็นพิเศษลงไปในส่วนของ ?Additional Information? โดยอาจจะใส่ Website ที่แสดงถึงความสามารถหรือความสนใจลงไปในส่วนของ ?My Website? ซึ่งจะช่วยให้มีควนกดผ่านหน้า Profile ของคุณมากขึ้น การที่มีคนกดผ่านหน้า Profile ของคุณบ่อย ๆ จะช่วยให้ชื่อของคุณมาอยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อมีคนค้นหา และการที่เราเป็นสมาชิกของสมาคมการค้า หรือกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะช่วยให้คนอื่นค้นหาคุณจากกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ได้ด้วย นอกจากนี้ถ้าคุณเคยได้รับรางวัล หรือได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน พนักงานหรือเจ้านาย ให้คุณใส่เข้าไปใน Profile ด้วยเพื่อให้ Profile ของคุณมีความน่าสนใจมากขึ้น
8. ถาม-ตอบ คำถามบ่อยๆ -?การถามและตอบคำถามที่ดีจะทำให้ความน่าเชื่อถือ และความน่าสนใจในตัวคุณของคุณเพิ่มมากขึ้น ในการตอบคำถามควรตอบคำถามในสิ่งที่คุณถนัด และรู้จริงเพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพให้คนอื่นได้รับรู้ และที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือการตอบคำถามจะเป็นการสร้างทุนทางสังคมกับคนอื่นๆ ในเครือข่าย ในบางครั้งคุณอาจจะต้องการให้คนเข้ามาตอบคำถามของคุณด้วยก็เป็นได้
9. เขียนคำแนะนำเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ -?พยายามให้เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และเจ้านาย เข้ามาช่วยเขียนแนะนำบอกเล่าเกี่ยวกับความสามารถหรือลักษณะนิสัยในการทำงานของคุณ (เน้นความน่าเชื่อถือของคนที่เข้ามาแนะนำคุณ ไม่ใช่จำนวนคน) คำแนะนำที่น่าเชื่อถือ และหลากหลายจะทำให้ Profile ของคุณดูน่าสนใจ และดูสมจริงมากขึ้น ในขณะเดียวกันคุณก็ควรเขียนคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นเพื่อเป็นการตอบแทนด้วย
10. สร้างเครือข่ายของคุณ -?เครือข่ายต่าง ๆ ที่คุณมีเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของตัวคุณ ในขณะเดียวกันบริษัทที่คุณทำงานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนภาพลักษณ์ และความน่าเชื่อถือของคุณด้วยเช่นกัน ดังนั้นคุณควรจะใส่ข้อมูลที่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณลงไปด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเคล็ดลับง่ายๆ ที่ thumbsup’er สามารถนำไปลองใช้กับหน้า Profile ของตัวเองใน LinkedIn กันดู ไม่แน่นะครับ คุณอาจจะเป็นอีกคนที่ได้ข้อเสนอดีๆ จากบริษัทชั้นนำเร็วๆ นี้ก็เป็นได้
และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ กับตำแหน่งงานใหม่ วันนี้ทาง?thumbsup เปิดหน้า Jobs Board ซึ่งก็จะมีตำแหน่งงานทางด้านที่เกี่ยวข้องกับไอที และสายงานดิจิตอล รวมไปถึง Job Feed จากทาง Adecco ที่มีตำแหน่งงานมาให้ thumbsup’er ได้เปิดโอกาสใหม่ให้กับตัวเองได้…
เอื้อเฟื้อข้อมูลบทความนี้โดย Adecco Thailand