เรื่องของดาต้านั้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อเทรนด์การนำข้อมูลมาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าจนออกมาเป็นแคมเปญต่างๆ เริ่มที่จะเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรลงมือทำอย่างทันที ไม่ต้องรอกระแสใดๆ อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นแบรนด์จึงต้องตอบสนองอย่างทันท่วงที และดึงข้อมูลเดิมที่มีในมือมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ที่สุด
DATA ช่วยเรื่องใดบ้าง
นายไชยณัฐ สัจจะปรเมษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด เผยว่า ในยุคปัจจุบัน Data กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ และในหลาย ๆ องค์กรนำ Big Data หรือ Data Analytics มาใช้งาน แต่ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็ยังมีจำกัดอยู่ในวงแคบเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมเท่านั้น
“อัลเคมิสท์ (Alchemist)” จึงเล็งเห็นโอกาสด้านการใช้งานเกี่ยวกับ Data ว่าไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูล และไม่จำกัดแค่การวิเคราะห์หรือคำนวณเท่านั้น แต่ข้อมูลสามารถนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าได้ ผ่านทางดิจิทัล แพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้ Data เป็นประโยชน์ต่อทั้งทาง แบรนด์และผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรืออุตสาหกรรมใดก็ตาม
บริการด้าน Data Activation หรือการนำข้อมูลในองค์กรมาสร้างคุณค่าและประสบการณ์ผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งหมด เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่มากเกินไป (Data Overload) ให้เป็นระเบียบและสะอาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยข้อมูลที่ล้นนั้นส่งผลทำให้พฤติกรรมและกระบวนการตัดสินใจของผู้บริโภคยากและซับซ้อนมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ “อัลเคมิสท์ (Alchemist)” จึงเข้ามามีบทบาทและให้บริการแบบครบวงจรในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล ตั้งแต่บริการที่ปรึกษาด้านข้อมูล วางแผนกลยุทธ์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนการสร้างผลิตภัณฑ์จากข้อมูล (Data-Driven Products)
ซึ่งบริการทั้งหมดนี้จะมีส่วนช่วยให้ลูกค้าและผู้บริโภคใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมถึงบริการด้านอื่นๆ เกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์และบริหารข้อมูลสำหรับการตลาดในทุกธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยจะพลิกวิถีการทำงานของเอเจนซีด้วยการผสมผสานกลยุทธ์ด้านข้อมูลเข้ากับกลยุทธ์ด้านครีเอทีฟอย่างลงตัว
Data Activation ผู้เล่นคนสำคัญ ท่ามกลางตลาดดิจิทัล
Data Activation คือการบูรณาการข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สามารถจัดสรรและสร้างประโยชน์ได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น การนำ Data มาสร้าง One-to-One Personalization
ซึ่งเป็นความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าที่ลึกกว่าการแบ่งกลุ่มแบบ Segmentation ซึ่งจะสามารถทำให้แบรนด์มีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น หรือการสร้าง Customer Journey Automation ที่เข้าถึงลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นของการสร้างการรับรู้จากแบรนด์
ต่อเนื่องไปจนถึงกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ ด้วยการวิเคราะห์และออกแบบจากความสนใจและพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นหลัก ตลอดจนสร้างให้เกิดการเลือกซื้อสินค้าในที่สุด ซึ่งเรียกได้ว่า Data Activation เป็นกลยุทธ์ใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการเดินเกมเพิ่มยอดขาย และยังสามารถลดต้นทุนทางการตลาดได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลกไว้อย่างมากมายเพื่อนำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
Salesforce เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่มซอฟท์แวร์ Marketing Cloud ที่เน้นด้านการนำข้อมูลมาสร้าง Cross-Channel Automation รวมถึง One-to-One Personalization
และ LINE ที่มุ่งเน้นการพัฒนา LINE Business Connect ให้กับธุรกิจ ซึ่งทำให้ LINE ไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับการส่งโฆษณาหรือโปรโมชั่นให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังต่อยอดความเป็นไปได้ทางธุรกิจด้วยการเปิดฟีเจอร์ Business Connect เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของแบรนด์ ทำให้เกิดรูปแบบการใช้งานและประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย
ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่า “อัลเคมิสท์ (Alchemist)” จะเข้ามาช่วยยกระดับดิจิทัลเอเจนซีไทย ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ และประสบการณ์ที่ติดตามพฤติกรรมการเสพสื่อ ผนวกกับการตัดสินใจของผู้บริโภคในปัจจุบัน นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับศาสตร์ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างมิติใหม่แก่วงการธุรกิจ และแนวทางพัฒนาต่อไปของแบรนด์ได้ดี
ความเป็นมาบริษัท
แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป (Rabbit Digital Group) กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านงานสร้างสรรค์ดิจิทัลแบบครบวงจร ดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นในการสร้าง “Digital Ecosystem” เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าในทุกมิติ
เริ่มต้นจาก บริษัท แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดตัวบริษัทในเครือ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท แรบบิทส์ เทลล์ จำกัด (Rabbit’s Tale), บริษัท มูนช็อท ดิจิตอล จำกัด (Moonshot Digital), บริษัท โค้ดแอนด์คราฟท์ จำกัด (Code & Craft), บริษัท เดอะ ซีโร่ พับลิชชิง จำกัด (The Zero) และล่าสุดกับบริษัทใหม่ บริษัท อัลเคมิสท์ จำกัด (Alchemist) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็น Creative Data-Driven Company ภายในปี 2020 โดยบทบาทของ “อัลเคมิสท์ (Alchemist)” เปรียบเป็นอาวุธใหม่ด้าน Data Activation ที่เข้ามาเสริมทัพเพื่อก้าวสู่ยุค Future of Marketing อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยทีมที่มีความเชี่ยวชาญและความสมดุลระหว่าง 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Creative, Strategy และ Technology ที่ต้องใช้ทักษะมากกว่าแค่ความคิดสร้างสรรค์ในการตอบโจทย์ธุรกิจในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญ