สิงคโปร์กำลังเปลี่ยนสถานะเมืองให้กลายเป็นเกาะแห่งการเฝ้าระวังสุดปลอดภัย โดยตั้งเป้าเพิ่มระบบกล้องวงจรปิดจดจำใบหน้าบนเสาไฟส่องสว่างริมทาง 110,000 จุด คาดว่าจะมีอีกหลายเซ็นเซอร์ที่จะปูพรมติดตั้งบนเสาดวงไฟเหล่านี้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ชาวเมืองมีความปลอดภัยและสะดวกสบายกว่าเดิม
กล้องวงจรปิดเพิ่มความมั่นใจ
แผนการติดตั้งกล้องที่มีเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าไว้ในเสาโคมไฟทั้งหมด 110,000 แห่งทั่วเมืองของรัฐบาลสิงคโปร์นั้นถูกมองว่าจะทำให้การติดตามดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถทำได้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม โดยโครงการนี้มีชื่อเรียกว่า “Lamppost-as-a-Platform” ซึ่งโครงการนำร่องจะทำให้รัฐบาลสามารถ “วิเคราะห์ฝูงชน” และป้องกันปราบปรามการก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรการป้องกันการก่อการร้ายของสิงคโปร์ จะใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์หลายชนิดที่ติดตั้งบนเสาดวงไฟริมทาง ซึ่งจะรวมถึงกล้องที่สามารถจดจำใบหน้าได้ จุดนี้ตอกย้ำว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะต่อยอดการติดตั้งเซ็นเซอร์บนเสารไฟริมทางมากขึ้นในอนาคต
รายงานของ Reuters ย้ำว่า GovTech ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลของสิงคโปร์ที่รับผิดชอบโครงการนี้ยังคงมองหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกว่านี้ แต่เบื้องต้นต้องเริ่มดำเนินการแล้วเพื่อให้เป็นโครงการนำร่องก่อนในช่วงปีหน้า โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผน “Smart Nation” ที่จะครอบคลุมพื้นที่เมืองกว้างขึ้น เพื่อให้เทคโนโลยีทันสมัยสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคน
มั่นใจไม่ละเมิดประชาชน
ในมุมของผู้บริโภค กล้องวงจรปิดที่เฝ้าระวังและจดจำใบหน้าได้ถือเป็นเรื่องปกติในเมืองใหญ่อย่างลอนดอนและนิวยอร์ก อย่างไรก็ตาม รายงานชี้ว่าระบบของสิงคโปร์จะใกล้เคียงกับเทคโนโลยีการเฝ้าระวังของจีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าที่ละเอียดมากที่สุดในยุคนี้ ทำให้กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ทวีความกังวลมากขึ้นเรื่องความเป็นส่วนตัวที่อาจได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีนี้
ประเด็นนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของประชาชน แต่เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ระบบสามารถระบุตัวตนของผู้คนได้แม้จะอยู่ในฝูงชน ทำให้ผู้ที่ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับโครงการ
สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากข่าวนี้ คือตลาดระบบวิเคราะห์ใบหน้ากำลังขยายตัวอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ามีโรงเรียนต่างประเทศบางแห่งนำซอฟต์แวร์วิเคราะห์ใบหน้าไปติดตามนักเรียน ขณะที่สถานที่จัดซัมเมอร์แคมป์ ก็มีการติดกล้องวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อติดตามผู้ร่วมแคมป์ ทั้งหมดนี้มีจุดยืนเพื่อรักษาความปลอดภัยก็จริง แต่ก็ต้องแลกมาซึ่งความเป็นส่วนตัวที่ทุกคนหวงแหนกัน
ที่มา: : FastCompany