แบรนด์ดัง Ralph Lauren คือบริษัทล่าสุดที่ประกาศเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ตามหลังแบรนด์ผู้ค้าปลีกอเมริกันอย่าง Macy’s, Nordstrom และ Walmart ยังมีผู้ค้ารายอื่นอย่าง Gap, Sears และ J.C. Penney ที่มีแผนปิดสาขาร้านค้าเพื่อลดต้นทุน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าแบรนด์ค้าปลีกอเมริกันกำลังปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคที่อีคอมเมิร์ซอเมริกันเบ่งบานเต็มที่
รายงานจาก CNN ระบุว่า Ralph Lauren ประกาศเลย์ออฟพนักงาน 1,200 ตำแหน่งเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือ 8% ของพนักงานฟูลไทม์ที่มีทั้งหมด โดยข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า อดีตพนักงาน Ralph Lauren เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของบุคลากร 13,000 ตำแหน่งที่ถูกเลิกจ้างจากร้านค้าเสื้อผ้าและสินค้าเสริม (clothing and clothing accessories stores) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
สถิติเหล่านี้สะท้อนว่า ร้านค้าจำหน่ายเสื้อผ้าดั้งเดิมในสหรัฐฯกำลังเสื่อมความนิยมลงอย่างชัดเจนในช่วงปีนี้ โดยตัวเลขพนักงานที่ถูกเลย์ออฟ 13,000 ตำแหน่งนั้นเป็นส่วนใหญ่เมื่อมองในภาพรวม 38,000 ตำแหน่งงานที่ถูกเลิกจ้างโดยบริษัทค้าปลีกทุกประเภทช่วงไม่กี่เดือนของปี 2016
หากเทียบกับปีที่แล้ว ตัวเลขการเลิกจ้างนี้เพิ่มขึ้นถึง 40% อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และเครื่องแต่งบ้านกลับมีตัวเลขเพิ่มตำแหน่งงานมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มร้านอุปกรณ์จัดสวนและวัสดุทั่วไป
จุดนี้เห็นได้ชัดจากผลประกอบการของบริษัท Home Depot และ Lowe’s ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น
สิ่งที่สัมผัสได้จากข่าวนี้คือ Amazon และผู้ให้บริการ online/mobile shopping จะถูกมองว่าเป็นผู้ปั่นป่วนเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในสหรัฐฯยิ่งขึ้น โดยข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่ากลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่ไม่มีหน้าร้าน ซึ่งรวมทั้งกลุ่ม e-commerce, กลุ่มจำหน่ายสินค้าผ่านแคตาล็อก และโฆษณาขายสินค้าทางทีวี นั้นมีการประกาศเพิ่มตำแหน่งงานมากกว่า 5,000 ตำแหน่งในช่วงปีนี้
ที่มา : CNN