ท่าทางวิสัยทัศน์ใหญ่ที่เหล่าผู้บริหารของ Netflix เคยประกาศไว้ว่าจะทำให้คนอดนอนมากขึ้นกำลังสำเร็จตามเป้าเสียแล้ว เมื่อรายได้ไตรมาสล่าสุดของบริการสตรีมมิ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 26% เทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นเกินกว่า 50% ส่วนจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นอีก 2.7 ล้านบัญชี ทำให้ตอนนี้มีสมาชิกรวมกว่า 151 ล้านบัญชี งานนี้เรียกได้ว่า Netflix กำลังยึดครองรายการทีวีของเราอีกก้าวหนึ่งแล้ว
Netflix รายงานข้อมูลไตรมาสที่สองในปี 2562
Netflix รายงานรายได้และข้อมูลสำคัญประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ว่าในไตรมาสนี้ เน็ตฟลิกซ์มีรายได้เพิ่มขึ้น 400 จุด หรือเพิ่มขึ้น 26% คิดเป็นมูลค่า 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว จำนวนการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบัญชีเป็น 151 ล้านบัญชี สัดส่วนกว่า 60% มาจากนอกสหรัฐอเมริกาถือว่า เพิ่มสูงขึ้น 24% จากปีที่แล้ว
ประเด็นสำคัญอื่นๆ
- จำนวนการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบัญชีเป็น 151 ล้านบัญชี (60% มาจากนอกสหรัฐอเมริกา) ถือว่า เพิ่มสูงขึ้น 24% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ 5 ล้านบัญชี
- การคาดการณ์คาดเคลื่อนเกิดขึ้นในทั่วทุกภูมิภาค แต่จะมากเป็นพิเศษในภูมิภาคที่มีการขึ้นราคาค่าสมาชิก
- คู่แข่งทางการค้าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเนื่องจากในไตรมาสที่ 2 นี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากคู่แข่ง อีกทั้งการแข่งขันยังแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ในขณะที่การคาดการณ์คาดเคลื่อนนั้นเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค
- คอนเทนต์ในไตรมาสที่ 2 กระตุ้นการเติบโตของการสมัครสมาชิกน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ความสำเร็จในไตรมาสแรก (การสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 9.6 ล้านบัญชี) อาจส่งผลต่อการเติบโตของการสมัครสมาชิกมากกว่าที่ประเมินไว้เช่นกัน
- ในไตรมาสก่อนๆ การคาดการณ์คาดเคลื่อนไม่ได้ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว และการยึดมั่นในหลักการพื้นฐานจะช่วยส่งผลดีต่อธุรกิจ
- ไตรมาส 3 ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวของ Stranger Things ซีซัน 3 ซึงมีผู้ชมมากกว่า 40.7 ล้านบัญชีในเวลา 4 วันตั้งแต่การออกอากาศในวันที่ 4 กรกฎาคม และมีผู้ชมถึง 18.2 ล้านบัญชีที่ดูจบครบซีซันแล้ว ตัวเลขนี้ถือว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์
- คอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีหลังที่น่าติดตาม มีดังต่อไปนี้:
– ซีซันใหม่ของ La Casa de Papel (Money Heist), The Crown ซีซันสุดท้ายของ Orange is the New Black และหนังฟอร์มยักษ์อย่าง The Irishman กำกับโดย Martin Scorsese รวมถึงหนังแอคชั่นอย่าง 6 Underground (กำกับโดย Michael Bay และนำแสดงโดย Ryan Reynolds)
– ในทวีปเอเชียได้ประกาศคอนเทนต์ออริจินัลเกาหลีจำนวน 6 เรื่อง ซีรีส์ออริจินัลอินเดียจำนวน 5 เรื่อง และ 6 คอนเทนต์ภาษาจีนซึ่งจะออกอากาศก่อนการเปิดตัวซีรีส์ออริจินัลจีนจำนวน 3 เรื่อง
- คอนเทนต์ที่ออกอากาศไปในไตรมาสที่ 2 มีคอนเทนต์ที่น่าติดตามดังต่อไปนี้:
– Dead to Me นำแสดงโดยนักแสดงที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่อย่าง คริสติน่า แอพเพิลเกตมีคนชมไปแล้วถึง 30 ล้านบัญชีตั้งแต่การออกอากาศสัปดาห์แรก
– When They See Us กำกับโดย เอวา ดูเวอร์เนย์ ได้รับการรับชมถึง 25 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ และปลุกกระแสการพูดถึงเกี่ยวกับเชื้อชาติ อัตลักษณ์ ความยุติธรรมทางอาญา ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ถึง 16 รางวัล รวมถึงเข้าชิงในหมวด Outstanding Limited Series
– Our Planet คือสารคดีชิ้นเอกจากเน็ตฟลิกซ์และยังเป็นซีรีส์ในหมวดสารคดีที่ได้รับการรับชมสูงสุดใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ (33 ล้านบัญชี) และล่าสุดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลEmmy ถึง 10 รางวัล
- การผลิตซีรีส์ออริจนัลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เช่น Murder Mystery นำแสดงโดย อดัม แซนด์เลอร์และเจนนิเฟอร์ อนิสตัน มีผู้ชมถึง 73 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกเมื่อออกอากาศ เช่นเดียวกับซีรีส์วัยรุ่นโรแมนติกอย่าง The Perfect Date ก็โด่งดังไปทั่วโลกด้วยยอดการชมกว่า 48 ล้านบัญชีใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ Always Be My Maybe ที่ได้ แอลลี หว่องและแรนดัลพาร์ค มาร่วมแสดงก็ได้รับการรับชมถึง 32 ล้านบัญชีภายใน 4 สัปดาห์แรกของการออกอากาศ
- คอนเทนต์นานาชาติก็ยังคงถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ซีรีส์สัญชาติเดนมาร์กอย่าง The Rain ซีซัน 2 คือซีรีส์ออริจินัลที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่ได้กลับมาออกอากาศต่อทางเน็ตฟลิกซ์ ส่วนซีรีส์เรื่องใหม่จากสวีเดนอย่าง Quicksand ก็มีผู้ชมจำนวนมากทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับโลก
กลยุทธ์ด้านการตลาด
- ในมุมการตลาด เราให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจแก่ทั้งสมาชิกเดิมและผู้ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก
- Netflix ประกาศต้อนรับประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด (CMO) คนใหม่ แจ็คกี้ ลี-โจ
- เรากำลังเร่งศักยภาพในการมอบลิขสิทธิ์ให้แก่คู่ค้าทางธุรกิจของเรากับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เพื่อให้แฟนๆ ของเราได้ประโยชน์สูงสุดและเพิ่มความพึงพอใจในเน็ตฟลิกซ์ ตัวอย่างเช่น Stranger Thingsซีซั่น 3 ได้ร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง โค้ก ไนกี้ เบอร์เกอร์คิง และบาสกิ้นร็อบบินส์ เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมกับแฟนๆ ซีรีส์นี้
- ในงาน E3 ซึ่งเป็นงานวีดีโอเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี เราได้ประกาศเกมส์ใหม่จากซีรีส์ Stranger Things และเกมส์ที่สร้างจากเรื่องราวจากโชว์ใหม่อย่าง Dark Crystal: Age of Resistance (ภาคก่อนของภาพยนตร์เวอร์ชั่นปี 1982) อีกทั้งยังประกาศการร่วมมือกับ Epic Games ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Fortnite เกมส์เหล่านี้ถูกออกแบบขึ้นเพื่อขยายฐานแฟนคลับของคอนเทนต์เช่นเดียวกับกลยุทธ์การขายอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าธุรกิจเกมส์จะเป็นธุรกิจใหม่ของทางเน็ตฟลิกซ์แต่ใดๆ
ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์
- เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสมัครเป็นสมาชิกและรับความบันเทิงจากเน็ตฟลิกซ์ได้ง่ายขึ้น หลังจากการทดลองหลายเดือน เราตัดสินใจเสนอประเภทสามชิกเพื่อรับชมผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียวในราคาที่ย่อมเยา ถือเป็นส่วนต่อการขยายจากรูปแบบเดิม เราเชื่อมั่นว่ารูปแบบสมาชิกนี้ซึ่งจะนำเสนอในไตรมาสที่ 3 จะเปิดโอกาสเพิ่มจำนวนสมาชิกชาวอินเดียได้มากขึ้น
- ในประเทศสหรัฐอเมริกา เน็ตฟลิกซ์ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ AT&T ด้านกล่องทีวีดิจิทัล และเป็นพันธมิตรกับ ISPs และ MVPDs อย่าง Comcast DISH Verizon T-Mobile Charter และAltice
- ภายใน 12 เดือน Disney, Apple และผู้ประกอบการรายอื่นๆ จะเข้ามาร่วมธุรกิจสตรีมมิ่งเช่นเดียวกับเรา ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค นวัตกรรมการบริการสตรีมมิ่งทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการดูโทรทัศน์แบบเดิมมาเป็นการใช้บริการสตรีมมิ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่พัฒนาที่สุด ณ ขนาดนี้ สัดส่วนในการรับชมบริการของเรา เมื่อเทียบกับเวลาในการชมทีวีทั้งหมดจากผู้บริโภค เท่ากับ 10% เอง และยิ่งน้อยกว่านั้น เมื่อเทียบกับเวลาทั้งหมดที่พวกเขาใช้บนมือถือ นั่นหมายความว่าเน็ตฟลิกซ์ยังคงมีพื้นที่ในการเติบโตทางธุรกิจอีกมาก
- เน็ตฟลิกซ์เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีโฆษณา และสิ่งนี้คือจุดยืนที่สำคัญของแบรนด์ เราเชื่อมั่นว่าเราจะเป็นธุรกิจที่มีคุณค่าในระยะยาวโดยไม่แสวงหาผลกำไรจากโฆษณาและเน้นย้ำความสำคัญกับความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
ที่มา : Netflix