คนเรามีเวลาเท่ากัน คือ 24 ชม. ใน 1 วัน หรือ 168 ชม. ใน 1 สัปดาห์ บุคคลที่จะประสบผลสำเร็จได้เหนือคนอื่น ก็คือบุคคลที่บริหารจัดการเวลาที่มีเท่ากันนั้นได้มีประสิทธิภาพสูงสุด แล้วเคยสงสัยมั๊ยว่า บุคคลที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูงนั้นเค้าบริหารจัดการเวลากันยังไง หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ
“What the most successful people do before breakfast” เป็นหนังสือแนวการบริหารจัดการเรื่องเวลา โดยเนื้อหาข้างในแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ
1) Do before Breakfast
2) Do on the Weekend
3) Do at Work
เรามาดูรายละเอียดทีละตอนกันครับ
1.”Do before Breakfast”
เวลาเช้า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับการเริ่มนับถอยหลัง ต้องทำกิจกรรมส่วนตัวทั้งหมดให้เสร็จเพื่อทันเวลาเดินทางออกไปทำงาน ทานอาหารเช้าขณะเดินทาง ถึงออฟฟิตช้ากว่าเวลาปกตินิดหน่อย เปิด facebook ไล่ดู Email และกิจกรรมอื่นอีกเล็กน้อย ซึ่งใช้เวลาพอสมควรก่อนจะเริ่มทำงาน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่ไม่มี Productivity เอาเสียเลย
แต่จริงๆ แล้ว เวลาในช่วงเช้าตรู่เป็นเวลาที่มีค่ามาก ลองคิดดูว่าถ้าเราตื่นเร็วขึ้นอย่างน้อยวันละ 1-2 ชม. เราจะมีเวลาเเพิ่มขึ้นอีกสัปดาห์ละ7-14 ชม ซึ่งช่วงแรกอาจจะทำยากหน่อย แต่พอเราทำให้เป็นกิจวัตร (Habit) สุดท้ายการตื่นเช้าก็จะกลายเป็นธรรมชาติของเราไปเอง
จากการสำรวจและสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบผลสำเร็จหลายคน ส่วนใหญ่แล้วจะทำกิจกรรมเหล่านี้
- ใส่ใจการทำงาน (Nurturing their career)
ช่วงเช้าเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็น “Interruption Free” คือ เราสามารถตั้งใจอยู่กับสิ่งที่เราจะทำให้เสร็จได้โดยไม่มีการแทรกจากสิ่งรบกวนอื่นๆ เราควรเลือกใช้ใช้เวลานี้ในการทำงานที่มีความสำคัญสูงสุดในแต่ละวัน รับรู้ข่าวสารที่เกี่ยวกับงาน หรือ เตรียมวางแผนรายการงานในแต่ละวันเป็นต้น
- ใส่ใจความสัมพันธ์ในครอบครัว (Nurturing their relationships)
สำหรับคนที่มีครอบครัว หรืออย่างน้อยอาศัยอยู่กับเพื่อน เราสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการร่วมทานอาหารเช้า พูดคุย ใส่ใจกันและกัน เพื่อเป็นการเริ่มวันใหม่ที่สดชื่น พร้อมที่จะออกไปลุยงาน แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างเหนื่อยล้า และต้องการการพักผ่อน
- ใส่ใจตัวเอง (Nurturing themselves)
เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง การออกกำลังกาย เป็นกิจวัตรที่ผู้บริหารส่วนใหญ่นิยมที่สุด และผลวิจัยก็ยังระบุว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการออกกำลังกายก็คือช่วงเช้านี้เอง แล้วจะสร้าง “ช่วงเช้า” ของเรายังไงดี แนะนำให้ปฎิบัติตาม 5 ขั้นตอนนี้
- Track Your Time ทำ Time Log เพื่อบันทึกว่า ในแต่ละวันเราทำอะไรไปบ้าง และใช้เวลาเท่าไหร่ เพื่อจะได้เห็นภาพว่าเราเสียเวลาไปกับอะไร และควรจะปรับปรุงอะไร
- Picture the Perfect Morning ทำรายการที่เราอบากทำช่วงเช้าออกมาให้หมด เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ จักรยาน อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ อ่านหนังสือพิมพ์ เขียนเท่าที่เราอยากทำออกมาให้หมดก่อน
- Think through the Logistics พิจารณารายการต่างๆ กับการเดินทางที่เหมาะสม
- Build the Habit สร้างกิจวัตรนั้นขึ้นมา ช่วงแรกมันอาจจะต้องใช้ความพยายามพอสมควร แต่พอมันเริ่มเป็นกิจวัตรแล้ว เราจะสามารถทำได้โดยธรรมชาติ
- Tune up as Necessary ปรับเปลี่ยนแผน หรือ รายการที่ทำได้ตามความเหมาะสม
2. “Do on the Weekend”
บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับ วันหยุด ด้วยเหตุผลที่ว่า เราทำงานหนักอย่างเต็มที่มาเป็นเวลา 5-6 วันแล้ว ร่างกายและจิตใจของเราย่อมการการพักผ่อน หรือการ Reset เพื่อให้พร้อมลุยงานหนักของสัปดาห์หน้าต่อไป
เรื่องของวันหยุดมีความสำคัญถึงขนาดมีระบุอยู่ในกฎของชาวยิวเลยว่า วันเสาร์เป็นวันที่ห้ามทำอะไรทั้งสิ้น นับตั้งแต่ พระอาทิตย์ตกเย็นในวันศุกร์ จนถึงพระอาทิตย์ตกเย็นในวันเสาร์
สิ่งที่ควรทำในวันหยุดนอกจากการเที่ยว การพักผ่อนแล้ว อาจจะเป็นกิจกรรมที่ต่างออกไปจากงานที่ทำอยู่ เช่น การฝึกทักษะบางกีฬา การทำอาหาร การเล่นดนตรี ผู้บริหารบางคนเลือกที่จะเข้าป่าเพื่อไปตัดไม้ก็มี เหล่านี้ล้วนช่วยให้เราหลุดออกจากภาวะการทำงาน สนุกกับกิจกรรมใหม่ที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตามการใช้เวลาในวันหยุด ควรมีการวางแผนเบื้องต้น ไม่ควรไปคิดเอาในเช้าวันเสาร์ ซึ่งก็จะเสียเวลาไปกับการเลือกสถานที่ และเตรียมการไปทำให้วันหยุดเราหายไปหลายชั่วโมง ที่สำคัญคือ ควรระบุแผนการใช้วันหยุดของเน็นวันอาทิตย์ลงไปด้วย อย่าไปจดจ่อรอวันจันทร์ที่มาถึง
3. “Do at Work”
การที่เราจะประสบผลสำเร็จพร้อมกับความสุขได้ เราต้องรู้จักบริหารจัดการเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่เราต้องมีระหว่างการทำงานแบ่งออกเป็น วินัยทั้งหมด 7 ข้อ คือ
- Mind Your Hours
- ใส่ใจกับทุกชม. ที่เราใช้ไป
- มีการบันทึก (Time Log) เพื่อนำมาประเมินการใช้เวลาของเราได้
- Plan มีการวางแผนอย่างชัดเจน อย่างน้อย 3 ระดับ
- แผน / เป้าหมายของปี
- แผน / เป้าหมายของสัปดาห์
- แผน / เป้าหมายในแต่ละวัน
โดยการวางแผนในแต่ละระดับจะสัมพันธ์กัน ทำให้การทำกิจกรรมในแต่ละวันของเรา ทำให้เข้าใกล้เป้าหมายปีของเรา มากขึ้นเรื่อยๆ
- Make Success Possible เมื่อเราได้ทำการวางแผน และเตรียมรายการที่จะต้องทำแล้ว อย่าให้มันเป็นแค่รายการ ให้มันเป็นเหมือน “คำมั่นสัญญา” ที่เราจะต้องทำมันให้ได้ กำหนดรายการที่ต้องทำในแต่ละวันไว้แค่ 6 รายการโดย
- 3 รายการแรก ให้เป็นรายการสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จในแต่ละวัน
- 3 รายการที่เหลือ ให้เป็นรายการสำคัญที่ต้องทำเพื่อให้สำเร็จเป้าหมายระยะยาว
- Know What is Work ต้องรู้ว่าอะไรคืองาน เช่น หากเรารู้ว่า การตรวจสอบ Email การเล่น Facebook การดู Youtube การท่อง Internet ถึงแม้มันจะดูเหมือนไม่ใช่การทำงาน แต่ถ้ามันคือส่วนที่จะช่วยงาน เราก็ต้องกำหนดให้มันเป็นงาน ต้องกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับกิจกรรมนั้นขึ้นมาว่าต้องใช้กี่ชม.
- Practice การจะเป็น Professional ในสายงานของเราได้นั้นต้องมีการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ กำหนดตารางเพื่อฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต้อการทำงานของเราขึ้นมา
- Pay In ยอมจ่ายเงินเพื่อขยายความรู้ความสามารถในสายงานอาชีพของตนเอง (Career Capital) ซึ่งเป็นไปได้หลายทาง เช่น การเข้าร่วม Networking Event การไปทานข้าวกับเพื่อต่างสาขาอาชีพ หรือ การเข้าอบรมความรู้ใหม่ๆ
- Pursue Pleasure ค้นหาความต้องการของตัวเองให้เจอ การจะประสบผลสำเร็จได้เราจะต้องได้ทำงานที่เราชอบ เราต้องการ ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าเสมอ
เนื้อหาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ Startup รวมถึง คนทำงาน ทุกคนนะครับ
editorial note: บทความนี้คือบทความพิเศษ (ที่เราเรียกว่า Guest Post) จาก ณครินทร์ เลิศนามวงศ์ (กาย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น พลัส เจ้าของ MAYAR – AR Browser และ SmartSign – ระบบ Android-Based Digital Signage มีประสบการณ์ในธุรกิจ Startup โดยตรงและงานอดิเรกที่ชื่นชอบก็คือ การได้อ่านหนังสือดีๆ และมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ฟัง บทความนี้ผู้เขียนส่งมาให้ กองบรรณาธิการ thumbsup อัพโหลดขึ้นให้ชาว thumbsup โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนเขียน ไม่สะท้อนแนวคิดของกองบรรณาธิการ thumbsup เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน
บทความนี้ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน ซึ่งมี thumbsup เป็นผู้เผยแพร่เดียวที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ หากต้องการนำบทความไปใช้กรุณาให้เกียรติด้วยการอ้างอิงชื่อผู้เขียนและลิงก์ กลับมายังบทความต้นฉบับ