หลังจากที่เราได้นำเสนอข่าวการเปิดตัวค่าย The White Space ที่เกิดจากการรวมตัวกันของอดีตผู้บริหาร dtac โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซิมเพนกวินผ่านการให้บริการในแบบ MVNO หรือ Mobile Virtual Network Operator หรือการใช้เครือข่ายของรายอื่น ซึ่งนั่นคือการใช้บริการจาก CAT มาให้บริการโดยผ่านช่องทางการตลาดของตนเองอีกที โดยทาง thumbsup มีโอกาสได้ร่วมคุยกับทีมผู้บริหาร The White Space อย่างเป็นกันเองร่วมกับบล็อกเกอร์จากหลายๆ เว็บ
สำหรับการเปิดตัวของซิมเพนกวินได้เปิดตัวมาประมาณ 1 เดือน (ในวันที่มีการพูดคุยกัน) ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ โดยมีการเปิดซิมใช้งานกว่าแสนซิม พร้อมกับมีร้านค้าที่เป็นจุดจำหน่ายเยอะมากขึ้น การที่ได้รับการตอบรับที่ดีนี้มาจากการเจาะกลุ่มที่ชัดเจน ได้แก่ กลุ่มคนที่มีใช้งานไม่มาก เช่น กลุ่มนักเรียน นักศึกษา, กลุ่มเพิ่มเริ่มทำงาน หรือกลุ่มที่มีรายได้น้อย โดยมีการใช้งานเฉลี่ยเดือนละ 100-300 บาท ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณเยอะพอสมควรในตลาด
ส่วนบริการของเพนกวินในช่วงแรกนี้จะมีเฉพาะการเติมเงิน การมีระบบรายเดือนยังคงต้องรออีกสักพัก เพราะส่วนนี้จะต้องมีส่วนในการลงทุนกับการจัดการระบบหลังบ้านพอสมควร แต่การทำระบบเติมเงินก่อนก็ถือว่าสอดคล้องกับลูกค้าซิมเพนกวินที่ต้องการลุยแล้ว
การครอบคลุมของสัญญาณ สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่นี่เลย penguinsim.com/network โดยเราสามารถกรอกพื้นที่ที่เราอยู่ จากนั้นก็จะแสดงภาพขึ้นมาว่ามีเสาสัญญาณมากน้อยขนาดไหน (เท่าที่ดูต่างอำเภออาจจะน้อยไปนิดนึง)
พอพูดถึงกลุ่มที่ต้องการเจาะตลาดแล้ว ก็ต้องพูดถึงค่าบริการกันบ้าง เพนกวินใช้คำโปรยที่ว่า “โทร 1 วิ 1 สตางค์ เน็ตไม่จำกัดวันละไม่เกิน 20 บาท” สามารถเข้าใจได้ไม่ยากและการันตีได้ว่า ต่อให้ใช้งานเน็ตเยอะๆ ในวันนั้นก็ยังคงเสียค่าบริการเพียง 20 บาทต่อการใช้วันนั้นเท่านั้น และที่สำคัญไม่มีการติด FUP (Fair Usage Policy) สามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติไม่มีลดลงแต่อย่างใด
และในครั้งนี้เราได้มีโอกาสทดลองใช้งานซิมเพนกวินทั้งในกรุงเทพและในต่างจังหวัด เลยอยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานแบบคร่าวๆ ให้ผู้อ่าน thumbsup ได้อ่านกัน
การลงทะเบียนซิมเพนกวิน
ก่อนจะเริ่มใช้งาน มีขั้นตอนเล็กๆ ก่อนที่จะสามารถใช้งานได้ โดยผู้ที่ซื้อจะต้องทำการลงทะเบียนก่อน โดยมี 2 สิ่ง
- ถ่ายแพคซิมเพนกวินที่เห็นเบอร์อย่างชัดเจน พร้อมกับบัตรประชาชน
- ถ่ายหน้าตัวเองพร้อมบัตรประชาชนตัวเอง (ล้างหน้าล้างตา แต่งหน้าได้ตามอัธยาศัย)
จากนั้นส่งที่ prepaidregister@penguinsim.com แล้วรอเมลตอบกลับ เมื่อมีเมลตอบกลับก็สามารถใช้งานได้ทันทีครับ เท่าที่รอใช้เวลารอไม่ถึงชั่วโมงก็ได้ใช้แล้ว ถือว่าเร็วอยู่ ติดแค่ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เพราะแค่ 2 แชะ แล้วก็ส่งเท่านั้นเอง
ความเร็ว
พอได้ซิมมาป้าบ ก็เปิดแอปแรกทันที นั่นคือ Speedtest เพราะความกังวลแรกๆ จากการใช้ซิมที่เป็น ECO Operator นั่นคือความเร็วจากการใช้งาน จึงไม่รอช้าที่จะลองทดสอบเรื่องนี้ก่อนเลย โดยเราเองได้มีโอกาสไปทดสอบทั้งในกทม และออกต่างจังหวัดด้วย (เป็นช่วงหยุดยาวพอดี เลยติดไปด้วย)
กรุงเทพฯ ได้ทดสอบบริเวณ สะพานควาย อารีย์ จตุจักร โดยจตุจักรเป็นช่วงเวลาที่มีคนและนักท่องเที่ยวเดินซื้อของจำนวนมาก
ลองใช้งานทั่วๆ ไป
ลักษณะการใช้งานที่ได้ทดลองก็คือการเข้าโซเชียลมีเดียตามปกติ, เข้าเว็บไซต์, เปิดวิดีโอบน YouTube, LINE TV, พูดคุยผ่าน LINE, WhatsApp ทุกอย่างสามารถเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนการดูวิดีโอเท่าที่ทดสอบดูก็พบว่า หากดูในความละเอียดสูงๆ ก็ใช้เวลาในการเปิดพอสมควร เห็นชัดเจนในการเปิด LINE TV ความละเอียดที่แนะนำก็คงไม่พ้น 270P ครับ ถ้าจะให้ดี ใช้ Auto ตามมาตรฐานดีกว่าครับ
เงินเกิน 20 บาทจริงไหม?
จากที่ได้ทดลองใช้งาน ก็พบว่า เงินที่มีการหักจากบัญชีเติมเงินของเราก็อั้นที่ 20 บาทจริง รวมทั้งความเร็วก็ยังอยู่ที่ 1/1 เท่าเดิม
เปิด Personal Hotspot บน iPhone ไม่ได้?
จากที่ได้ทดลองดูบน iPhone พบว่าซิมเพนกวินไม่สามารถเปิดใช้งาน Hotspot กระจายสัญญาณเนตได้ ถือเป็นเรื่องที่เราเจอครับ
Note: มีข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ใช้งานแอนดรอยด์แจ้งว่าสามารถใช้งานได้ปกติครับ รวมถึงอุปกรณ์ iOS ด้วย โดยอาจจะต้องมีการเชคค่า Configuration ของ APN อีกครั้งนึงครับ
ถือว่าเป็นการทดลองแบบเร็วๆ จากทีม thumbsup เอามาให้ผู้อ่านได้พิจารณาเพื่อใช้งานกันนะครับ ความเห็นของเราคือ ซิมเพนกวินเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ สำหรับคนที่ใช้งานน้อย ไม่ซีเรียสเลขในการทดสอบ รวมถึงเหมาะกับการเป็นเบอร์สำรองสำหรับการใช้งานแบบประหยัดๆ ได้อีกด้วย
สำหรับจุดจำหน่ายของซิมเพนกวินในตอนนี้ เริ่มมีวางขายมากกว่า 12,000 ทั่วประเทศแล้ว ไม่ว่าจะเป็น 7-11, Family Mart, ร้านจำหน่ายมือถือทั่วไป และเปิดให้เติมเงินด้วยช่องทางที่หลากหลาย ทั้งตู้เติมเงิน, หรือจะเป็นการจ่ายเงินแบบออนไลน์ก็สามารถทำได้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.penguinsim.com อย่างไรก็ลองหามาใช้กันดูครับ