จากจุดเริ่มต้นของความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ดูเหมือนว่ากระแสการซื้อสินค้าบนมือถือในปีนี้จะร้อนแรงเป็นพิเศษ การประเมินล่าสุดพบว่ามูลค่าการซื้อสินค้าบนอุปกรณ์พกพาในปี 2013 จะสามารถทำสถิติสูงถึง 38,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ?ทีเดียว
กระแสความนิยมของการซื้อสินค้าบนอุปกรณ์มือถือนั้นเห็นได้ชัดจากสถิติหลายประเทศ เช่น ในสหรัฐฯที่ตอนนี้มีจำนวนนักช้อปบนมือถือรวมแล้วกันมากกว่า 37.5 ล้านคน รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนนักช้อปบนมือถือชาวอังกฤษจาก 0.4% เป็น 3.3% ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น (2010-2012)
เว็บไซต์ Indusnet.co.in ได้รวบรวมสถิติการทำธุรกิจบนอุปกรณ์พกพาหรือ M-Commerce ในปี 2012 จากหลากหลายประเทศทั้งในแถบยุโรป อเมริกา และฝั่งเอเชียในบ้านเรา พบว่าในกลุ่มประเทศที่ทำการสำรวจ ญี่ปุ่นจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ซื้อบนอุปกรณ์มือถือมากที่สุด ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 40% หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในญี่ปุ่น ตามมาด้วยสหรัฐฯ (34%) อังกฤษ (30%) เยอรมัน (27%) สเปนและฝรั่งเศส (24%)
หากพิจารณาในมุมความถี่การซื้อสินค้า จะพบว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่นิยมซื้อสินค้าเฉลี่ยเป็นรายเดือนมากที่สุด รองลงมาเป็นรายสัปดาห์และรายวัน โดยญี่ปุ่นและสเปนจัดเป็นประเทศที่มีการซื้อสินค้าบนอุปกรณ์มือถือรายเดือนสูงที่สุด ซึ่งมีจำนวนราว 41% ตามมาด้วยอังกฤษ (40%) และเยอรมัน (39%) ส่วนการซื้อสินค้ารายวันพบว่าประเทศส่วนใหญ่มีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 4%-8% เท่านั้น ยกเว้นแต่ในสหรัฐฯที่มียอดการซื้อสินค้าเฉลี่ยรายวันสูงถึง 20%
ผลจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ M-Commerce นี้ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ดูได้จากยอดมูลค่าค้าปลีกในสหรัฐฯเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งมียอดการเติบโตสูงถึง 81% และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกกว่า 55.7% ภายในปีนี้ (2013)
นอกจากนี้ ยังมีเว็บไซต์ค้าปลีกชื่อดังอย่าง eBay ที่ได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ด้วย โดยปี 2012 eBay สามารถทำรายได้บน M-Commerce ทั่วโลกรวมกันสูงถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะทำสถิติสูงถึง 119,000 เหรียญในปี 2015
ไม่น่าแปลกใจเลยหากในอนาคตอันใกล้ เราจะได้พบเห็นหลายบริษัทหันมาให้ความสำคัญในการทำธุรกิจบนอุปกรณ์มือถือทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะรวมถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้สมาร์ทโฟนอย่าง Mobile Coupon และ Barcode ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนมากขึ้นเช่นกัน
ที่มา: Visual.ly