Rovio เจ้าของเกมฮิตอย่าง Angry Birds ที่เพิ่งจะปล่อย Angry Birds 2 เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา มีการประกาศปรับโครงสร้างองค์กรและเตรียมปลดพนักงานกว่า 260 คน โดยจะเน้นธุรกิจเพียง 3 ด้าน ได้แก่ เกม, สื่อ และสินค้า
แถลงการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Angry Birds 2 เกมแฟรนไชส์สร้างชื่อที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีตเปิดตัวไปไม่ถึงเดือน โดยหลังการเปิดตัว ณ ตอนนี้มีการดาวน์โหลดเกมไปกว่า 50 ล้านครั้งแล้ว โดย Pekka Rantala CEO แห่ง Rovio ได้พูดถึงการเปิดตัวของ Angry Birds 2 ว่าถือเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นกับบริษัท ซึ่งอย่างที่รู้ว่า Rovio คือบริษัทที่เป็นผู้นำด้านความบันเทิงบนโมบายล์ที่อยู่ในใจหลายๆ คน แต่ด้วยสถานการณ์เวลานี้ของบริษัทที่ต้องการให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ การทำให้บริษัทมีขนาดเล็กลงและมีความเป็น Agile มากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อทำให้บริษัทก้าวสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ได้ในอนาคต ซึ่งเราจะทำงานและอยู่เคียงข้างกับพนักงานที่ยังคงทำงานอยู่ตลอดช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
นอกจากนี้ CEO Rovio ยังพูดถึงว่า ในช่วงที่ผ่านมา Rovio ได้พยายามขยายธุรกิจออกมาอย่างหลากหลาย ซึ่งเราก็พบว่าเราทำมากเกินไปเลยเป็นผลทางด้านการเงินที่ไม่สู้ดี จึงเป็นที่มาที่ทำให้เราต้องพยายามลดขนาดและทำการโฟกัสกับสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด นั่นคือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเล่นเกม, การทำหนัง animation และทำผลิตภัณฑ์ให้คนที่ติดตามเราได้เป็นเจ้าของกันอย่างดีที่สุด
การปรับโครงสร้างในครั้งนี้จะมีผลกับทุกสำนักงานที่ Rovio อยู่ในหลายๆ เมือง อย่าง Espoo, Stockholm, London, New York, Los Angeles, Vancouver, Shanghai, Seoul และ Tokyo แต่จะไม่กระทบกับทีมที่กำลังทำงาน The Angry Birds Movie ภาพยนตร์ Animation ที่อยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งมีแผนจะฉายช่วงกลางปี 2559 นี้
จำนวนพนักงานที่ทาง TechCrunch ได้รายงานในช่วง 2 ปีก่อนมีมากกว่า 800 คน การหั่นในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะปีที่แล้วก็มีการลดคนไปแล้ว 110 คน ซึ่งก็หมายความว่าหลังจากลดพนักงานแล้วก็จะเหลือประมาณ 400 คน นั่นคือ ครึ่งนึงนั่นเอง
ถ้าให้มามองทิศทางของ Angry Birds 2 เพิ่มเติม แม้ตัวเลขในการดาวน์โหลดจะพุ่งถึง 50 ล้านครั้งแล้ว แต่ในแง่การสร้างรายได้ กลับได้ไม่ดีนัก โดยเมื่อเข้าไปดูใน Top Grossing อันดับของ Angry Birds 2 ของไทยนั้นอยู่อันดับร้อยกลางๆ เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับอันดับ Top แล้วเกมที่ยังคงติดอันดับอยู่ก็เป็นเกมที่คอเกมน่าจะคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น Clash of Clans, Candy Crush Saga อาจจะต้องรออีกระยะว่าอันดับจะขึ้นมากน้อยขนาดไหน
สิ่งที่ทางผมและ TechCrunch เห็นตรงกันคือ เมื่อเทียบกับการจ่ายเงิน $0.99 กับ การเปิด Free แล้วรอกิน In App Purchase นั้น เกมตระกูล Angry Birds อาจจะเหมาะกับการขายแบบแอปละเหรียญมากกว่าการมากิน In-App ยาวๆ ก็เป็นได้
ที่มา: Rovio Press, TechCrunch