ในยุคที่การทำเสียงเพลงไม่ต้องพึ่งพาเรื่องของค่ายเพลงยักษ์ ก็มีเวทีและแพลตฟอร์มมากมายให้ได้แสดงผลงาน แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องการปรับตัวที่ดีของคน แต่ในแง่ของธุรกิจก็ต้องหาโอกาสในการปรับตัวและสร้างช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ เพื่อพยุงธุรกิจให้เติบโตได้
ยิ่งในยุคของโควิด-19 แม้ว่าทุกอุตสาหกรรมรวมถึงธุรกิจพาณิชย์และสื่อจะได้รับผลกระทบ ทั้งจากเศรษฐกิจโดยรวมที่หดตัวลงและผลกระทบจากโควิด-19
แต่บริษัทที่ทำธุรกิจด้านเอนเตอร์เทนเม้นท์อย่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป สามารถสร้างการเติบโตได้ จนทำให้ผลกำไรในไตรมาสแรกแตะ 186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184% จากไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ของอาร์เอส กรุ๊ป ที่แตกต่างไม่เหมือนใครนั้นกำลังเดินมาถูกทางแล้ว
ก้าวใหม่ของ อาร์ เอส กรุ๊ป
หลายคนอาจยังเข้าใจว่า อาร์เอส ทำธุรกิจสื่อและบันเทิงเท่านั้น ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อาร์เอส ประสบความสำเร็จจากการทรานส์ฟอร์มธุรกิจบันเทิงสู่ธุรกิจ Commerce โดยมีพัฒนาการและการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกัน ก็ใช้เวลาเรียนรู้เข้าใจสภาพแวดล้อมของธุรกิจ พฤติกรรมลูกค้า และมองเห็นโอกาสอีกมาก ซึ่งเป็นเป้าหมายทางธุรกิจที่สำคัญในอนาคต จึงเป็นที่มาของการปรับโครงสร้างภายในและทีมงานใหม่ รวมถึงการรีแบรนดิ้ง กำหนดวิสัยทัศน์และวางกลยุทธ์เพื่อความพร้อมก้าวสู่โลกยุคใหม่ที่ธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ New Normal และเทคโนโลยีใหม่ๆ ประกอบด้วย
- 60% จากธุรกิจ Commerce การขายสินค้าภายใต้ RS Mall และ COOLanything ผ่าน Platform และช่องทางทั้งของ อาร์เอส และพันธมิตร ทั้งในส่วนของ On air จากช่อง 8 และช่องผู้นำดิจิทัลทีวีอื่นๆ วิทยุ COOL fahrenheit ทีวีดาวเทียม และ Online ทั้ง LINE OA, Website และ Application รวมถึงการวางสินค้าผ่าน modern trade ต่างๆ สำหรับสินค้าของ อาร์เอส ภายใต้การดูแลของบริษัท Lifestar
- 30% จากธุรกิจ Media สื่อทีวีดิจิทัล ช่อง 8 และ COOLfahrenheit ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฟังเพลงผ่านคลื่นวิทยุและทางออนไลน์ อันดับ 1 ของคนเมือง
- 10% จากธุรกิจ Music ผลิตเพลงผ่านค่าย RSiam และ Kamikaze ซึ่งรายได้หลักมาจากการบริหาร asset ทั้งหมด อาทิ การฟังเพลงผ่านระบบดิจิทัล การบริหารศิลปินในค่าย การขายลิขสิทธิ์เพลง รวมถึงการจัด event และ concert
Business Model ที่แตกต่างและทรงพลัง
“Entertainmerce” เป็นการผสานธุรกิจ Entertainment ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำคอนเทนต์อยู่แล้ว เพื่อเปลี่ยนผู้ชมหรือผู้ฟังให้กลายเป็นผู้ซื้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจ Commerce เติบโต เป็นการสนับสนุนและเชื่อมโยงธุรกิจในเครือเข้าด้วยกันอย่างแข็งแกร่งและเบ็ดเสร็จ ทำให้ อาร์เอส กรุ๊ป มีความได้เปรียบ และนำพาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้
ซึ่งในส่วนของธุรกิจ Commerce ทางอาร์เอสเป็นทั้งเจ้าของสินค้า คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างสรรค์คอนเทนต์ คิดกลยุทธ์การตลาดและโฆษณาผ่านช่องทางของตนเองและพันธมิตร ทำให้เรารู้จักพฤติกรรมของลูกค้าและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การมีทีม telesales/chat agent กว่า 500 คน นับเป็นหลังบ้านที่ทรงพลังและเป็นจุดแข็งสำคัญ ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านการเก็บข้อมูลจากออฟไลน์และออนไลน์ นำไปวิเคราะห์พฤติกรรม ปิดการขาย รวมถึงนำเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าจนเกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
ก้าวสู่ New Era ที่เต็มไปด้วย New Normal เพื่อสร้าง New S-Curve
- โมเดลธุรกิจ Entertainmerce
- เน้นการใช้ข้อมูล เพื่อเป็น Data-Driven Company
- การหาพันธมิตร Strategic Partnership
- Mergers & Acquisitions
นอกจากนี้ อาร์เอส ยังได้คัดสรรผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน พัฒนาสินค้า นำส่งสินค้าที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ซัพพลายเออร์ สามารถเติบโตไปพร้อมกัน ผู้บริโภคเอง ก็จะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้
ทางด้านของการเติบโตของบริษัทที่เพิ่มขึ้นนั้น ก็จะส่งต่อไปยังผู้ถือหุ้น และพนักงาน แม้ว่าหลายธุรกิจต้องลดสวัสดิการหรือเงินเดือนพนักงานจากวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่อาร์เอสได้ปรับสวัสดิการของพนักงานเพิ่มขึ้นให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ เพราะเราเชื่อว่าพนักงานเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพัฒนาองค์กร และต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับ Passion to Win ซึ่งเป็นคติประจำองค์กร
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประเมินเป้ารายได้ใหม่สำหรับปี 2563 อยู่ที่ 4,250 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% จากปีก่อน การทำงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จะส่งผลให้ธุรกิจแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำรายได้ 10,000 ล้านบาท ในปี 2565 ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้