นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับ อาร์เอส ในการเปลี่ยนหมวดธุรกิจ จากกลุ่มธุรกิจสื่อมาเป็นธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก โดยจะมีผลในวันที่ 29 มีนาคมนี้ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ใหม่และเติบโตแบบยั่งยืน ถือว่าเป็นการปรับตัวที่น่าสนใจของธุรกิจวงการเพลงที่เคยมีผลงานมากมายในอดีต
แผนธุรกิจสร้างโอกาส
สำหรับการปรับตัวครั้งใหญ่นี้ ไม่ได้ถือว่าน่าตกใจเท่าไหร่นัก หากดูจากตารางการออกอากาศของช่อง 8 ยังคงเป็นเรื่องของคอนเทนต์ประเภทละคร เพลงและข่าวอยู่เช่นเดิม เพียงแต่จะดันโมเดลธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมเพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ จะมุ่งขายแพลตฟอร์มธุรกิจแบบ MPC ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ทุกช่องของเมืองไทย เน้นออนไลน์และผู้แทนขาย เตรียมจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตแบรนด์สินค้าเพื่อต่อยอดขยายธุรกิจ OEM และ OBM รวมทั้งเดินหน้าเพิ่มฐานข้อมูลกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม สินค้าเครื่องประดับและความเชื่อ มั่นใจดันยอดขาย 10,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกในประเทศไทย มูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
ขณะที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น สอดรับกับการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) ของบริษัท ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่เข้ามาตอบโจทย์กับพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในยุค 4.0
โดยในวันที่ 29 มีนาคมนี้ อาร์เอสฯจะเข้าสู่ “ธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก” อย่างสมบูรณ์แบบ จากแผนธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างชัดเจนทั้งแนวราบและแนวตั้ง บริษัทฯจึงปรับรายได้ประมาณการรวมเท่ากับ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่ารายได้ธุรกิจ MPC จะมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปีที่ 2561
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
- รายได้ของธุรกิจ MPC ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่จากการ ขยายช่องทางขายการขยายแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้า ที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้เป็นแพลตฟอร์มทีวี ช่อง 8, call 1781, ช่องไทยรัฐทีวี T Shopping 02-117-3232, ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี เลข 141, ช่องเพลินทีวี และวิทยุคูลฟาเรนไฮต์
ซึ่งจะเข้าถึงผู้ชมมากกว่า 20 ล้านคน ตามด้วยแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ www.shop1781.com, LINE@shop1781, LINE@COOLanything รวมถึงผ่าน LifestarBIZ หรือตัวแทนขายตรง และห้างค้าปลีก Modern Trade และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ
โดยจะเพิ่มความหลากหลายให้สินค้าและบริการเป็นกลยุทธ์สำคัญจึง เดินหน้าพัฒนาออกสินค้า (Product) และบริการกว่า 200(SKU) จากการจับมือกับแล็บชั้นนำระดับโลกผลิตสินค้าที่เป็นสุดยอดแห่งนวัตกรรม
ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารวมไปถึงการจับมือกับคู่ค้าเพิ่มสุดยอดสินค้าคุณภาพแบรนด์ชั้นนำอย่าสม่ำเสมอ ปัจจุบันแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม (Health and Beauty)80% ได้แก่ กลุ่มสกินแคร์ภายใต้แบรนด์มาจีค (Magique), กลุ่มแฮร์แคร์ภายใต้แบรนด์รีไวฟ์ (Revive) และกลุ่มอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ (S.O.M) ตามด้วยกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ (Home&Lifestyle) 15% และกลุ่มเครื่องประดับและความเชื่อ (Accessories) และอื่นๆ 5%
โดยจะเพิ่มจำนวน Telesales ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญรองรับการซื้อซ้ำของผู้บริโภครวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด24ชั่วโมงโดยในปีนี้ มุ่งสร้างและขยายทีม ไลฟ์สตาร์ บิส “LIFESTAR BIZ” หรือตัวแทนขายตรงขั้นเทพจากทั่วประเทศเพิ่ม
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รายได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสได้” นอกจากนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากการบริหารฐานข้อมูลBigData ขนาดใหญ่จาก 1.2 ล้านเพิ่มเป็น 1.8 ล้านรายให้มีประสิทธิภาพนำมาวิเคราะห์ในเชิงลึกเพื่อพัฒนาและนำเสนอสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า และสร้างให้เกิดการซื้อซ้ำต่อไปในอนาคต
- เม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 7%
- ผลประกอบการช่อง 8 พลิกมากำไรและ
- gross profit margin ขยายตัวเพิ่มเป็น 49.0% จาก 42.4%
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) สูงขึ้นมาก หลังอาร์เอสแสดงข้อมูลให้เห็นว่าประสบความสำเร็จกับ สินค้าสุขภาพและความงาม, สินค้าเครื่องประดับและความเชื่อ ในปีที่ผ่านมาและจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้
ประกอบกับมีธุรกิจเครื่องใช้ในครัวเรือน มาต่อยอดอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการย้ายหมวดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ลงทุนในหุ้นพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและสม่ำเสมอ”
จากการประเมินรายได้จากการร่วมธุรกิจกับไทยรัฐทีวี ปี 2562 อยู่ที่ 350 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่ 455 ล้านบาท
สำหรับการขยายธุรกิจทางแนวตั้ง RS มีแผนที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ผลิต Original Equipment Manufacturer (OEM) การรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด
และ Original Brand Manufacturer (OBM) การผลิตแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งจะได้เห็นชัดเจนภายในไตรมาส3 นี้ ด้วยประสบการณ์วันนี้เราพร้อมก้าวขึ้นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตสินค้าเพื่อสร้างสรรค์แบรนด์คุณภาพในกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง
เชื่อว่าอาร์เอสจะสร้างอาณาจักรใหม่ที่ยิ่งใหญ่และมั่นคง เป็นผู้นำในธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกของประเทศไทย ทลายทุกข้อจำกัดที่ผู้เล่นรายอื่นยังไม่ได้ทำ มุ่งสู่ความสำเร็จสูงสุด โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปได้
หมายเหตุ : ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา อาร์เอสฯได้ปรับประมาณการณ์รายได้ธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) ยอด 2,127ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากปี 2560
ขณะที่รายได้รวมบริษัทฯอยู่ที่ 3,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปี 2560 สำหรับแผนในปี 2562 บริษัทประมาณการรายได้รวมเท่ากับ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่ารายได้ MPC จะมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากปีที่ 2561