Fortune Global 500 เป็นการจัดอันดับ 500 บริษัทที่สามารถทำรายได้มากที่สุดในโลก ปรากฏว่า Global 500 ปีนี้ ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้อย่าง Samsung สามารถทำอันดับได้ดีกว่า Apple ใน Fortune Global 500 เพราะตัวเลขรายได้รวมที่มากกว่า โดยบริษัทไทยรายเดียวที่สามารถติดอันดับ Fortune Global 500 คือ PTT หรือ ปตท. ซึ่งครองอันดับที่ 81 ด้วยรายได้มากกว่า 8.9 หมื่นล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา บริษัทส่วนใหญ่ใน Fortune Global 500 ปีนี้ยังเป็นบริษัทด้านพลังงาน โดย Shell คือบริษัทอันดับ 1 ของโลกที่สามารถทำรายได้มากที่สุด สถิติรายได้รวมคือ 4.81 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในมุมของบริษัทด้านไอที ปรากฏว่า Samsung Electronics สามารถครองอันดับสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้ผลิตสินค้าไอทีในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยครองเก้าอี้อันดับ 14 ด้วยยอดขาย 1.78 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เหนือกว่า Apple ถึง 5 อันดับ โดยยักษ์ใหญ่ผลไม้ครองตำแหน่งอันดับที่ 19 ด้วยรายได่รวม 1.56 แสนล้านเหรียญฯ
แต่ในมุมของกำไร Apple กลับครองสถิติที่เหนือกว่า โดยถูกบันทึกว่ามีกำไรมากกว่า 4.17 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เหนือกว่า Samsung ที่ทำกำไรราว 2.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่น่าสนใจคือ Apple เป็น 1 ใน 2 บริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในทำเนียบ 100 อันดับแรก โดยแชมป์อย่าง Shell นั้นมีกำไรราว 2.66 หมื่นล้านเหรียญเท่าน้้น แต่ยังเป็นรองบริษัท Exxon Mobil ผู้ครองแชมป์อันดับ 3 ด้วยรายได้ 4.49 แสนล้านเหรียญ กำไร 4.49 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
หากมองไปที่บริษัทไอทีรายอื่น Sony ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 83, Panasonic อันดับที่ 94, Dell อันดับที่ 110, Microsoft อันดับที่ 165 และ Google อันดับที่ 189
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะพบว่า Samsung สามารถทำอันดับที่ดีขึ้นจากอันดับที่ 20 ซึ่งทำรายได้ราว 1.48 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำไรเพียง 1.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ Apple อดีตเจ้าของอันดับที่ 55 ที่ทำรายได้ 1.08 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ บนกำไรราว 2.59 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผู้สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อ Global 500 ฉบับเต็มได้จากลิงก์นี้ ซึ่งจะพบว่า ปตท. คือบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ติดอันดับ 81 ในทำเนียบ Fortune Global 500 โดยตัวเลขระบุว่า PTT หรือ ปตท. มีรายได้มากกว่า 8.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ บนกำไรมากกว่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือราว 102 แสนล้านบาท)
เงินเติมน้ำมันของคนไทย ช่วยให้ ปตท. ติด 100 อันดับแรกของ Fortune Global 500 ได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ
ที่มา: Mashable