ย้อนดูข่าวคราวของธุรกิจอินเทอร์เน็ตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแล้วก็อมยิ้มครับ อมยิ้มนี่คงไม่ได้หมายความว่าผมบ้าอยู่คนเดียวแน่ๆ แต่ผมกำลังจะบอกว่า กำลังสนุกกับข่าวแนวนี้เพราะมันมีสีสันร้อนแรงน่าติดตามจริงๆ
3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เกิดการหลอมรวมกันระหว่างเครือข่าย Internet กับโทรศัพท์มือถือ ในรูปแบบของ Smart Devices ที่ทำอะไรได้หลายๆ อย่างในเครื่องเดียว จะดูเว็บ เช็คเมล โทรศัพท์ เล่น Facebook ถ่ายรูปลง Flickr โหลดแอพพลิเคชั่น ก็ทำได้หมด จนมีคนออกมาแซวว่าอีกหน่อยคงเป็นเตารีด เป็นไม้ปั่นหูได้ แต่ถึงจะแซวกันแค่ไหน… Geek ไม่สน
เหตุผลที่เราไม่สนเสียงแซวเหล่านั้น เพราะเรากำลังตื่นเต้นสนอกสนใจกับสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนจำนวนมากอยู่ เราไม่ได้สนใจแค่เรื่องจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก, จำนวนแอพพลิเคชั่นของแต่ละระบบปฎิบ้ติการที่เพิ่มขึ้น, การขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นของเจ้าของเทคโนโลยีเพื่อชิงความเป็นเจ้าแห่ง Ecosystem แต่เราสนใจว่า Smart Devices? เหล่านี้จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้นได้อย่างไร เรารู้สึกว่ามันมีอะดรีนาลีนหลั่งไหลที่ได้เป็น Early Adopter นำเทรนด์ก่อนใคร
Smart Devices ในโลกตอนนี้มันนำอยู่ 3 แพลตฟอร์ม Android, iOS, Windows Phone 7 ที่แต่ละแพลตฟอร์ม มันก็มีความโดดเด่นในตัวของมันเอง แต่วันนี้ทาง Samsung เขาป๋ามากครับ เขาส่งคนมาถามความเห็นของผมว่าถ้าให้เขียนบทความกึ่งโฆษณา และให้ผมออกความเห็นในเรื่อง Android หน่อยได้ไหมเขียนยังไงก็ได้เปิดๆ ให้เลย ไม่ต้องเชียร์มากก็ได้ เพราะทาง Samsung กำลังวางเครื่อง Android รุ่นใหม่ออกมาถึง? 4 ตัวในคราวเดียวกัน สิ่งที่ Samsung ต้องการจะบอกก็คือ ทาง Samsung มี Android Smartphone เด็ดๆ ออกมาใหม่ 4 ตัว แต่ประเด็นในย่อหน้านี้คือ ผมอยากให้คุณอ่านอย่างพิจารณาว่านี่คือ บทความโฆษณา แต่ผมเขียนด้วยความตั้งใจให้คุณผู้อ่านได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ด้วย ถ้าคุณๆ โอเค เชิญอ่านต่อเลยครับ…
ทำไมต้อง Android?
Android เป็นแพลตฟอร์มที่ Google นำเสนอให้กับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ และ Smart Devices ทั่วโลกนำไปใช้ได้ฟรี เราเลยเห็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทั่วโลก อย่าง Samsung เองก็เริ่มผลิตฮาร์ดแวร์ออกมารองรับระบบนี้มากขึ้นๆ อย่างที่ผ่านๆ มาก็จะมี Samsung Galaxy S, Samsung Galaxy Tab, Samsung Galaxy Cooper, Samsung Galaxy Mini ฯลฯ หรือถ้าคุณจำชื่อรุ่นไม่ได้เพราะมันมีมากมายเหลือเกิน ก็จำแค่คำว่ามันมีคำว่า “Galaxy” ห้อยเป็นนามสกุลก็พอครับ เพราะเวลา Samsung เค้าออกเครื่องมาภายใต้ Android series เขาจะใช้คำว่า “Galaxy” เสมอ และที่สำคัญ Android มีจำนวนแอพพลิเคชั่นให้เราเลือกดาวน์โหลดมาใช้งานทุกๆ หมวดที่ตอบสนองความต้องการของเรากว่า? 150,000 แอพพลิเคชั่น ซึ่งนับเป็นการเติบโตขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สิ่งที่ Android นำเสนอให้ก็คือ ระบบปฎิบัติการที่ทรงพลัง มีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยๆ ก็ปีละ 2 ครั้ง แถมมีความสามารถหลายต่อหลายอย่าง รวมทั้งการสนับสนุนนักพัฒนาทั่วโลกให้ใช้เทคโนโลยีตัวนี้ในการสร้างแอพพลิเคชั่นดีๆ ซึ่งทั้งหมดที่เขียนมาทำไปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ Smartphone ทั้งสิ้น ส่วนทาง Samsung เองมีจุดแข็งตรงที่ตัวเองเป็น เจ้าแห่งเทคโนโลยีและการผลิตฮาร์ดแวร์ และได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต เนื่องจากใช้เทคโนโลยีของตัวเอง อย่างเช่นหน้าจอที่สีคมชัด และละเอียดมากๆ อย่าง Super AMOLED Plus (อ่าน ซูเปอร์ อะ-โม-เหล็ด-พลัส) และแน่นอนว่าเทคโนโลยีแบบนี้จะ exclusive สำหรับ Samsung เท่านั้น ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่า Samsung ทำราคาออกมาทำร้ายจิตใจได้แรงมากๆ เพราะตัวเองเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง ทำให้ต้นทุนไม่สูงมาก และแน่นอนว่าท้ายสุดก็มีประโยชน์กับผู้บริโภคตรงที่ Samsung สามารถวางจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้ Samsung ยังสามารถ “แยกเล่น” ได้ด้วยการผลิต Smartphone ออกมาหลายแบบหลายสไตล์ หลายราคา เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
การเปิดตัว Smartphone ที่เป็น Android ในเมืองไทยคราวเดียวกัน 4 รุ่นคราวนี้ จึงเป็นการผสานเอาระบบปฎิบัติการที่ทรงพลัง รวมเข้ากับเทคโนโลยีล่าสุด แต่จะออกมาแบบไหน เชิญติดตามตอนต่อไปครับ
บทความนี้เป็น advertorial