คำออกตัว: ก่อนจะมาเขียนให้อ่านกันต้องขอแจ้งให้เพื่อนๆ thumbsup’er ได้ทราบกันก่อนว่า ปัจจุบันผมได้ย้ายมาทำงานให้กับทาง Thai Samsung Electronics แต่ไม่ได้ดูแลอยู่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ หรือการตลาด?การเขียนรีวิวเล่าความรู้สึกต่ออุปกรณ์ จึงไม่ได้มีผลแต่อย่างใดนะครับ…
เผยตัวมาเสียทีหลังจากเป็นที่กล่าวถึงกันมาพักใหญ่ๆ สำหรับอุปกรณ์ที่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของทาง Samsung อย่าง Samsung Galaxy Note ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 5.3 นิ้ว และยังสามารถใช้งานโทรศัพท์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ทาง Samsung ยังเผยว่านี่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน หรือแท๊บเล็ตแต่อย่างใด แต่จะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า “Note” ซึ่งเน้นที่การพกพาที่สะดวก และควบคุมการใช้งานโดยปากกาที่มีชื่อเรียกว่า “S Pen” จะเป็นอย่างไรเราลองไปดูกันครับ
ก่อนได้จับตัวเป็นๆ ของ Samsung Galaxy Note และรู้จักมันจากตามสื่อหรือเว็บไซต์ที่บอกคุณสมบัติตัวเครื่อง ผมต้องบอกตรงๆ ว่าออกลูกอคติมาก่อนเลย เนื่องจากสำหรับโทรศัพท์ที่จะมีจอขนาดใหญ่เท่านี้ คงไม่ค่อยเหมาะที่จะมาเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ เท่าไรนัก
ถามว่าทำไมผมถึงคิดเช่นนั้น คำตอบคือสำหรับ Android Phone ที่จำเป็นจะต้องใช้ Notification Bar อยู่บ่อยครั้ง และต้องเรียกมันออกมาโดยใช้นิ้วโป้งข้างเดียวกับมือข้างที่ถือโทรศัพท์ เป็นเรื่องที่ยากมากๆ (ขนาดผมว่าผมมือใหญ่แล้วนะ) นอกจากนี้การโทรออกด้วยมือเพียงข้างเดียวนั้น ยากมากครับ ยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องขับรถอยู่บ่อยครั้งแบบผม (ไม่ควรเลียนแบบนะครับ) แต่ถ้าใครใช้บลูทูธอยู่แล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไปนะครับ
แน่นอนว่ามันไม่สามารถแทนที่สมาร์ทโฟนของผมได้ ดังนั้นควานสนใจต่ออุปกรณ์ขนาดหน้าจอเท่านี้ จึงยังไม่ทำให้ผมเสียเงินได้ แต่เมื่อได้มีโอกาสได้จับเจ้า Note เครื่องนี้ ครั้งแรกสุดผมไม่ได้รู้สึกว่ามันแตกต่างจาก Streak 5 นัก เพราะขนาดหน้าจอมันแทบไม่แตกต่าง (ทำให้ยังใช้งานแบบมือเดียวไม่ได้)
แต่เจ้า S Pen ที่แถมมาด้วยทำให้ผมต้องร้อง “อ๋อ” ออกมา ว่าทำไมทาง Samsung จึงต้องวาง Position ของอุปกรณ์ตัวนี้แตกต่างจากสมาร์ทโฟนและแท๊บเล็ต
รอบๆ ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)
แต่ก่อนจะพูดถึงปากกาที่ Galaxy Note มีติดมาให้ด้วยนั้น ขอพูดถึงเรื่องขนาดเพื่ออธิบายรูปภาพประกอบเสียหน่อยนะครับ การใช้งานภาพรวมของ Samsung Galaxy Note นั้น ส่วนตัวผมเวลาใช้งานก็ใช้สองมือเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ ยกเว้นบางโอกาสที่ไม่สะดวก มือเดียวก็พอไหว (แม้จะกลัวเครื่องหลุดมือเสียหน่อย)
ขนาดตัวเครื่องและความบาง เมื่อเทียบกับ Galaxy S II และ Tab 10.1 (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)
?ความหนาของตัวเครื่องเมื่อเทียบกับ Samsung Galaxy S II นั้นก็แตกต่างไม่มากประมาณ 1 มิลลิเมตรจากสเปคที่ผมได้รับมา ซึ่งก็เอามาให้ดูกันในรูปอีกที (พอใส่เคสก็คงไม่หนีกันเท่าไหร่)
มาว่ากับถึง S Pen ที่ติดค้างกันไว้ ครั้งแรกไม่ได้สังเกตุอะไรนัก ผมเองก็ยังคิดว่านี่มันปากกาสไตลัสธรรมดา ที่สมัยก่อนใครใช้ Pocket PC หรือ Palm คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว (นั่นทำให้ผมคิดว่าหน้าจอ Note เครื่องนี้จะเป็น Resitive หรือเปล่าด้วยซ้ำไป)
ปากกา S Pen ด้ามนี้มีความพิเศษและการใช้งานเฉพาะด้าน เพราะผมทดสอบเอาไปใช้ร่วมกับ Samsung Galaxy S II ของผม มันไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ครับ (ไม่แน่ใจว่า Note เป็นหน้าจอแบบพิเศษหรือไม่อย่างไรนะครับ) แต่ที่สำคัญกว่านั้นนอกจากจะใช้แตะเพื่อควบคุมการใช้งานได้แล้ว บน S Pen ยังมีปุ่มที่จะทำให้การใช้ Samsung Galaxy Note สนุกและมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นด้วยกับฟีเจอร์อย่าง S Memo และอีกหลายแอพพลิเคชันที่อยู่ใน S Choice
ตัวอย่างแอพพลิเคชัน ใน S Choice (คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
Samsung Galaxy Note มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2,500 mAh ซึ่งเมื่อใช้งานจริง ผมใช้พ้นวันได้อย่างสบาย ทั้งที่ทดสอบกับการเปิดใช้งาน 3G ไว้ตลอดวันด้วยซ้ำไป (ในขณะที่ Galaxy S II ของผมต้องมีการชาร์จไฟระหว่างวันเสมอๆ)
หลังจากพาไปชมรอบๆ ตัวเครื่องมาแล้ว ผมจะพาไปดูฟังก์ชันที่น่าสนใจ สำหรับเจ้า Galaxy Note ตัวนี้ โดยเริ่มด้วยหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจมากๆ ตัวหนึ่ง นั่นก็คือ S Memo ซึ่งเป็นแอพฯ ที่จะทำให้คุณได้ใช้ S Pen ที่มาพร้อมกับ Note ทำงานการจดข้อความ วาดรูป หรือแต่งภาพได้แบบสนุกและมีประสิทธิภาพมากๆ ตัวหนึ่งเลยทีเดียว
ด้วย S Pen ที่มีปลายปากกาที่เล็ก เป็นข้อดีที่ทำให้การเขียนนั้นง่ายและแม่นยำมากกว่าการใช้นิ้วมือ และที่สำคัญในหน้าเดียวกัน คุณสามารถทำทั้งการเขียนด้วยลายมือ และพิมพ์ข้อความจากแป้นคีย์บอร์ดเข้าไปได้ (อีกทั้งยังมีระบบแปลงลายมือเป็นตัวหนังสือแถมมาให้ด้วย)
คุณยังสามารถจับภาพหน้าจอด้วย S Pen เพียงกดที่ปุ่มซึ่งอยู่บน S Pen ค้างไว้ และแตะที่หน้าจอภาพที่คุณต้องการค้างไว้ ภาพหน้าจอจะถูกจับและเก็บไว้บนคลิปบอร์ด และแอพฯ S Memo จะถูกเปิดขึ้น เพื่อให้แก้ไขตกแต่งภาพ ด้วยปากกาหลายรูปแบบ และสีที่มีให้เลือกตามใจชอบ
ใน S Memo ยังสามารถ Crop รูปภาพที่ต้องการ โดยเลือกส่วนที่ต้องการเองได้ด้วย (Lasso) เพื่อเอามาตกแต่งภาพได้เองตามใจชอบ?นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มคลิปเสียงลงไปใน Memo ได้ด้วย
ภาพการใช้ S Pen ร่วมกับแอพพลิเคชัน S Memo (คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
ตัวอย่างภาพที่วาดจาก S Memo (คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
อีกหนึ่งแอพฯ ที่มาพร้อมกับ Note ก็คือปฏิทินที่มีความพิเศษกว่าปฏิทินปกติใน Android Phone ตัวอื่นๆ เพราะ S Planner นั้นสามารถใช้การ Pinch ด้วยนิ้วมือในการซูมเข้า-ออก เพื่อเจาะเข้าไปดูในรูปแบบของมุมมอง วัน/สัปดาห์/ปี ได้ง่ายๆ
สำหรับประสิทธิภาพของตัวเครื่องนั้น ผมลองทดสอบคร่าวๆ (ย้ำว่าคร่าวๆ เพราะผมไม่ได้ทดลองติดตั้งแอพฯ บนตัวของ Samsung Galaxy Note ให้เหมือนกับ Galaxy S II ที่นำมาเปรียบเทียบ ดังนั้นผลการทดสอบอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง)?ด้วยแอพฯ อย่าง Quadrant Standard
ก็พบว่าตัวของ Note นั้น ใช้เวลาในการทดสอบสั้นกว่า Galaxy S II พอสมควร อีกทั้ง?ยังให้ค่าตัวเลขที่สูงมาก โดยจากการทดสอบในรูป Note ให้ค่าในแอพฯ Quadrant ออกมาสูงถึง 3,896 คะแนน ส่วน Galaxy S II นั้นได้ค่าออกมา 3,107 เท่านั้น (ลองทดสอบหลังจาก Factory Reset ได้ค่ามากกว่า 4,000)
ภาพการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องด้วยแอพพลิเคชัน Quadrant (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
ส่วนตัวอยากจะแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจกับ Samsung Galaxy Note ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนครับว่า พร้อมที่จะงานสองมือได้หรือไม่ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นแล้ว ด้วยมือชายร่างใหญ่ (นิดๆ) อย่างผม ยังไม่สามารถที่จะใช้งานมือเดียวได้ (หรือใช้ก็คงต้องมาลุ้นกันว่าจะตกพื้นวันละกี่รอบกัน)
สำหรับวัสดุของ Galaxy Note นั้นมองดูเผินๆ อาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เท่าที่จับลองบิดดู มันเหนียวทนใช้ได้เลยล่ะครับ ส่วนเรื่องราคาถือว่าแพงหรือไม่ หลายท่านคงต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง แต่ด้วยสเปคและประสิทธิภาพทำให้ต้องมาหักลบกันดูว่า มากไปหรือพอดีกับการใช้งานปัจจุบันของคุณหรือไม่ ลองไปจับไปทดสอบกันดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจนะครับ ผมไม่แนะนำให้ตัดสินใจด้วยการมองจากตารางสเปคเท่านั้นครับ
ก่อนจะจบการรีวิวครั้งนี้ ผมได้ทดสอบฟังก์ชันเก๋ๆ จาก อย่างเช่นการหยุดการเล่นวิดีโอได้ด้วยการใช้มือปิดหน้าจอ หรือการจับภาพหน้าจอด้วยการสไลด์สันมือไปบนหน้าจอเท่านั้น มาฝากให้ดูด้วย
สำหรับการรีวิวเครื่องครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทางฝ่ายการตลาดของ Samsung ที่ส่งเครื่องมาให้ทดสอบด้วยนะครับ…พบกันใหม่กับการรีวิวอุปกรณ์ IT ที่พวกเรา thumbsup จะนำมาฝากเพื่อนๆ ในครั้งหน้า สวัสดีครับ