ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่น่าจับตามองของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมื่อยักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง แสนสิริ (SIRI) เปิดตัว SIRI Venture บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital เพื่อทำการวิจัย และลงทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Property Technology อย่างเต็มรูปแบบรายแรกของไทย โดยในงานมีธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมสนับสนุนในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและสตาร์ทอัป รวมถึงกลุ่ม FinTech เข้าร่วมพัฒนานวัตกรรมในครั้งนี้ด้วย
สำหรับทุนจดทะเบียนของ SIRI Venture นั้นเริ่มต้นอยู่ที่ 100 ล้าน สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างแสนสิริกับธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ที่ 90 : 10 ซึ่งทางแสนสิริตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างเครือข่ายกับผู้พัฒนานวัตกรรมด้าน Property Technology ได้อย่างน้อย 300 รายภายในปี 2020 (พ.ศ. 2563) รวมถึงแสดงความเชื่อมั่นว่า SIRI Venture จะช่วยส่งให้นวัตกรรมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยไทยไปได้ไกลในระดับโลก รวมทั้งเสริมการเติบโตให้กับธุรกิจหลักอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
คุณอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนคือ แสนสิริมีหน่วยงานเฉพาะที่รับผิดชอบเรื่องการสรรหาและลงทุนในนวัตกรรมด้าน Property Technology ใหม่ ๆ เพื่อการดำเนินธุรกิจ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า รวมถึงสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จากนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้น ทำให้แสนสิริมีบริการใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าตลอดเวลา เช่น การนำระบบ Smart Home Integration มาใช้กับโครงการ 98 Wireless และโครงการ The XXXIX”
ด้านคุณอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การร่วมลงทุนใน SIRI Venture กับแสนสิริในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ ดิจิทัล เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินและดูแลการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีของธนาคาร เห็นว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้ขยายขีดความสามารถในการเข้าถึงสตาร์ทอัปและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำงานร่วมกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มุมมองทางด้านเทคโนโลยีของไทยพาณิชย์นั้น ไม่หยุดอยู่แค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินเท่านั้น แต่ต้องการสร้างสรรค์เทคโนโลยีทางการเงินที่เข้าถึงหรือผสานอยู่ใน Ecosystem ต่างๆ ในชีวิตประจำวันของลูกค้าได้อย่างกลมกลืนและสมบูรณ์แบบ ทำให้ธนาคารสามารถนำ FinTech เข้ามาทำงานร่วมกันกับ Property Technology เกิดเป็น Living Ecosystem ที่สมบูรณ์ และนำมาซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกันได้อย่างครบวงจร”
ส่วนคุณชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SIRI Venture จำกัด กล่าวว่า “แสนสิริคือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีมานานหลายปีแล้ว โดยเริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำ Marketing ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ด้วยการทำ Digital Sales Kit บนหน้าจอ Multitouch เป็นรายแรกของไทย ช่วยให้การขายโครงการสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพัฒนา Home Service โมบายแอปพลิเคชั่นสำหรับให้บริการลูกบ้านแสนสิริ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 วันนี้แสนสิริก้าวสู่อีกระดับด้วยการก่อตั้ง SIRI Venture เพื่อมุ่งพัฒนาและลงทุนใน Property Technology ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่ออนาคตของการใช้ชีวิต ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เร็วขึ้น และประหยัดยิ่งขึ้น”
แต่นอกจากการสร้างนวัตกรรมเพื่อต่อยอดเข้าสู่ภาคธุรกิจแล้ว SIRI Venture ยังมีแผนดำเนินธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Management) เพื่อสร้างรายได้ต่อยอดสู่ระดับนานาชาติอีกด้วย โดยคุณชาคริตตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2020 จะต้องมีสิทธิบัตรให้ถือครองไม่ต่ำกว่า 10 สิทธิบัตรเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ภารกิจสำคัญของ SIRI Venture มี 3 ส่วน ประกอบด้วย
1. ร่วมลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัย ด้วยเงินลงทุน 100 ล้านบาท เริ่มจากในประเทศไทยและสิงคโปร์
2. ร่วมทุนและยกระดับศักยภาพของ Home Service โมบายแอปพลิเคชัน สำหรับลูกบ้านแสนสิริ เพื่อบริการรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต และสามารถขยายขอบข่ายบริการในตลาดที่กว้างขึ้น
3. จัดตั้งโครงการผลักดันสตาร์ทอัพด้าน Property Technology โดยเฉพาะครั้งแรกในประเทศไทย (Property Technology Accelerator) เพื่อเฟ้นหาสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยที่มีศักยภาพในการลงทุน
ด้านโครงการ Property Technology Accelerator จะมีการวางเป้าหมายอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเริ่มในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยรับสมัครทีมสตาร์ทอัปจำนวน 100 ทีม จากนั้นในไตรมาสมาส 3 จะคัดเลือกทีมที่มีศักยภาพ 15 ทีมมาเข้าร่วม Business Incubation เพื่อการบ่มเพาะธุรกิจ พร้อมคอร์สติวเข้มกับผู้บริหารและนักธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ก่อนที่จะมาคัดเลือกสตาร์ทอัปที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ประมาณ 8-10 ทีมอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเราจะผลักดันนวัตกรรมที่เราพัฒนาให้ได้รับการจดสิทธิบัตรต่อไป
“จากฐานข้อมูลการวิจัยและพัฒนาของเรา เทรนด์การพัฒนาเทคโนโลยีกำลังก้าวจาก Formless สู่ Borderless และ Limitless ข้อจำกัดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดหายไป Property Technology ที่มาแรงในช่วงอนาคตอันใกล้ซึ่งเราสนใจลงทุน จึงได้แก่เทคโนโลยีโมบิลิตี้ที่นำมาการใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ ที่หลากหลายขึ้น เทคโนโลยีด้านสมาร์ทโฮม ไม่ว่าจะเป็นด้าน Home Automation, Security หรือ Home AI หรือระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบ Preventive Maintenance ภายในบ้าน และเทคโนโลยีโรโบติกส์ หรือหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถพัฒนามาเป็นหุ่นยนต์ส่งของถึงห้องพักภายในอาคารคอนโดมิเนียมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย และเทคโนโลยี Exoskeleton ซึ่งเป็นชุดหุ่นยนต์ที่สวมใส่ได้เพื่อเป็นอุปกรณ์เพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ เช่น ความแข็งแกร่ง เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถนำมาใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของงานก่อสร้าง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความรวดเร็ว และลดต้นทุนในการทำงาน ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” คุณชาคริตกล่าวปิดท้าย