ไม่ว่านักการตลาดหรือพนักงานสาขาไหน ล้วนมีโอกาสได้ใช้งานข้อมูลจาก infographic นี้ทั้งนั้น โดย infographic นี้สามารถบอกเหตุผลว่าทำไมมนุษย์งานควรจะเซย์โน เพื่อปฏิเสธบางงานที่ได้รับมอบหมาย นอกจากเหตุผลแล้ว ยังมีบทสรุปว่าเราควรปฏิเสธเมื่อไร รวมถึงเทคนิกการปฏิเสธอย่างไรที่จะทำให้ทุกอย่างยังราบรื่น
ข้อมูลจาก infographic ของบริษัท GetVoIP นี้สามารถแนะแนวทางปฏิเสธคำขอให้ทำงานที่ไม่ตรงกับภาระหน้าที่หลักของมนุษย์งานได้อย่างละมุนละม่อม ท่ามกลางแรงกดดันที่หลายคนพบว่ามักจะบีบบังคับให้ต้องทำงานที่ “งอก” ขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
เหตุผลหลักที่มนุษย์งานควรรู้จักการปฏิเสธ หนีไม่พ้นเรื่องความเหนื่อยล้าในภาวะงานล้นมือ การสำรวจในสหรัฐฯพบว่า 53% ของพนักงานกลุ่มตัวอย่างรู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักเกินไป ขณะที่ 49% รู้สึกว่าการใช้เวลามากขึ้นในการทำงานให้เสร็จ นั้นจะลดอาการ burnout ได้ เรียกว่าการเร่งหรือการเพิ่มงานนั้นทำให้คนกลุ่มนี้เหนื่อย และหมดไฟได้ง่าย
ดังนั้นเพื่อคุณภาพการทำงานที่ดีขึ้น มนุษย์งานควรรู้ว่าการจัดสมดุลย์ชีวิตและการทำงานที่ดีนั้นทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น แถมการปฏิเสธงานยังช่วยให้เราทำงานในมือได้ทันกำหนดได้ ฉะนั้นจงมั่นใจที่จะ say “no” ให้บ่อยขึ้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การปฏิเสธงานนั้นสามารถทำได้เมื่อเราแน่ใจว่าหากรับงานใหม่ งานเก่าจะกระเทือนหรือล่าช้า ผลคือหากเหยียบเรืออีกแคม บริษัทอาจจะเสียหาย นอกจากนี้ เหตุผลที่ดีในการปฏิเสธคือการแสดงจุดยืนไม่สามารถทำงานได้ทันกำหนด เพราะงานที่มีนั้นล้นมือหรืออาจต้องศึกษาเพิ่มเติมจนทำให้งานไม่เดินเท่าที่ควร
เคล็ดไม่ลับคือ การปฏิเสธที่ดีควรปราศจากความหยาบคาย ขี้เกียจ หรือไม่อยากร่วมมือ และจะดีมากหากผสมความซื้อสัตย์ พร้อมกับนำเสนอทางเลือก และยอมรับถึงความพร้อมของตัวเอง
ที่มา: PRDaily