ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวบริษัทในเครือ “SCB Abacus” โดยจะเป็นบริษัทที่เน้นการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาธุรกิจและบริการ และถือเป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินและการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การขยับตัวครั้งนี้ของธนาคารไทยพาณิชย์เป็นอีกครั้งที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะมุมมองเกี่ยวกับข้อจำกัดของการเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่อาจจะเคลื่อนตัวได้ช้า แต่ในยุคที่โลก (ลูกค้า) ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว หากสถาบันการเงินไม่สามารถขยับตัวหรือตอบสนองได้ทัน ก็อาจตกขบวนได้
ดร. สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เห็นได้จากระบบการคัดแยกอีเมล์ที่ใช้ Machine Learning ระบบแนะนำสินค้าที่ตรงใจให้แก่ผู้ซื้อแต่ละคนในเว็บไซต์ e-Commerce หรือระบบการจดจำใบหน้าบุคคลที่ใช้บน Social Media เหล่านี้ล้วนฒนามาจากเทคโนโลยี AI ทั้งสิ้น”
“ในแวดวงธนาคาร เทคโนโลยี AI ได้ถูกนำมาใช้ในการแยกธุรกรรมบัตรเครดิตที่น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริต ใช้สำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุน ที่เรียกว่า Robo-advisor และการชำระเงินด้วยระบบการจดจำใบหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันของธุรกิจอย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาของการจัดตั้ง SCB Abacus ด้วยพันธกิจหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่นำเอานวัตกรรมสุดล้ำอย่าง AI มาเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์และเรียนรู้ข้อมูล เพื่อต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ทั้งสำหรับธนาคารไทยพาณิชย์ และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับภาคธุรกิจและภาครัฐ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย รองรับกับการแข่งขันในทุกมิติของการก้าวเข้าสู่ยุคการเงิน 4.0 และเติบโตอย่างยั่งยืน”
โดยในระยะหกเดือนแรก SCB Abacus จะมุ่งเน้นในการพัฒนา 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่
- แอปพลิเคชัน SCB Easy ที่บริษัทจะเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการแนะนำการใช้บริการธนาคารหรือที่เรียกว่า Recommendation Engine ซึ่งทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ลูกค้าต้องการได้รวดเร็ว ตรงใจต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น
- ระบบบริการด้านสุขภาพที่จะนำเทคโนโลยี Internet of Things หรือ IoT เข้ามาช่วยส่งเสริมไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพ โดยใช้ AI ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าใส่ใจดูแลสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- โครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการระบบ Call Center ด้วยการนำ AI มาคาดการณ์ปัญหาของลูกค้าที่โทรเข้ามา เพื่อโอนสายไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ตอบปัญหาได้ตรงจุด อีกทั้งเป็นการยกระดับคุณภาพบริการและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
ด้าน คุณอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้งในจีนและอินเดียที่พบว่าสามารถทำงานได้หลากหลาย ตั้งแต่การบริการทั่วไปจนถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยใช้ Big Data
“ในช่วงที่ผ่านมา เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามามีบทบาทในวงการการเงินและการธนาคารมากขึ้น ธนาคารไทยพาณิชย์เล็งเห็นความสำคัญและมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการลูกค้าเพื่อสอดรับกับเทรนด์ดิจิทัลอยู่เสมอ อาทิ แอปพลิเคชัน SCB Easy เวอร์ชั่นล่าสุด และ แอปพลิเคชัน Chatuchak Guide ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ธนาคารยังคงเดินเกมรุกด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยจัดตั้งบริษัท SCB Abacus ขึ้นเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีด้าน AI โดยจะนำ AI มาใช้ในการประมวลผล วิเคราะห์ และเรียนรู้จากข้อมูลเหล่านั้น เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจและการให้บริการของธนาคาร นับว่าเป็นครั้งแรกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินการธนาคารของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการจัดตั้งบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงนี้โดยเฉพาะ ทำให้สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจและการเงินของลูกค้าที่หลากหลายและครอบคลุมอย่างตรงจุดยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ SCB Abacus ยังมีการจับมือกับพันธมิตรระดับโลก เช่น สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ในสหรัฐฯ เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ทั้งยังมีการจัดตั้งคณะที่ปรึกษา ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายภาคธุรกิจ ได้แก่ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร คุณวิลาสินี พุทธิการันต์ และ ศาสตราจารย์ ดร. เบ็นจามิน แวนรอย มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เพื่อร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วย
ก็ต้องถือเป็นอีกก้าวของยักษ์ใหญ่อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ที่หลายคนรอให้กำลังใจ กับการนำข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ ไปสู่การวิเคราะห์ เรียนรู้ ใช้ประโยชน์ ตลอดจนคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าได้ในที่สุด