Site icon Thumbsup

คุยกับ SEAC กับแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และความรู้ที่มีวันหมดอายุ พร้อมหลักสูตรออนไลน์ที่ช่วยเสริมทักษะให้พร้อมเสมอตอบสนองช่วง Work from Home

ในยุคที่หลายคนต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) เรื่องของการเรียนรู้ใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญขึ้น เพราะนอกจากการทำงานแล้ว การหาความรู้ใหม่หลายด้าน ทีมงาน thumbsup ได้พูดคุยกับ คุณอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ถึงแนวทางการปรับตัวและตอบรับกับสถานการณ์ COVID19 ด้วยการออกรูปแบบการสอนบนดิจิทัลแพลตฟอร์มผ่าน Virtual Learning สำหรับวัยทำงานเพื่อพัฒนาทักษะให้โดดเด่นขึ้น

รวมทั้งความจำเป็นของวัยทำงานที่ต้องปรับตัวพร้อมปรับปรุงทักษะเดิมให้มีความพิเศษในโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป

เหตุผลที่คนเราไม่ควรหยุดเรียนรู้

เรื่องของความรู้เป็นสิ่งที่มนุษย์เราไม่ควรหยุดนิ่ง แต่ควรจะเปิดกระบวนความรู้ใหม่ๆ ให้รอบด้าน เพราะการที่มนุษย์เรากระหายความรู้จะยิ่งผลักดันให้เราไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และมีความสามารถใหม่ๆ ที่มากขึ้นกว่าเดิม

คุณอริญญา : หากเราลองมองดู บุคคลที่ประสบความสำเร็จหลายๆ ท่าน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันล้วนแล้วแต่มีความเชื่อในเรื่องการเรียนรู้แทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกที่เราอยู่ตอนนี้ สถานการณ์ปัจจุบันนี้บ่งชี้ถึงอัตราความเร็วในการเปลี่ยนแปลงที่สูงมาก รวมถึงความไม่แน่นอนต่างๆ

ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ สิ่งต่างๆ ที่เราเคยเรียนรู้ และยึดถือปฏิบัติตามมาในอดีตอาจเกิดความล้าสมัยและไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราสังเกต ทุกๆ ครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมีวิกฤตการณ์หรือเหตุการณ์สำคัญๆ คือสิ่งที่เรียกว่า New Normal ซึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปอย่างสิ้นเชิงทั้งเรื่องของวิธีคิด วิธีการทำงาน พฤติกรรมผู้บริโภค พฤติกรรมลูกค้าต่างๆ ซึ่งแปลว่าอะไรก็ตามที่เราเคยรู้เคยปฏิบัติกันมาอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ทักษะหลายๆ อย่างที่เรามี อาชีพหลายๆ อาชีพต้องถูกเปลี่ยนรูปแบบไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งแปลว่าถ้าเราไม่เรียนรู้ต่อเนื่อง เราก็จะไม่ได้ไปต่อในโลกอนาคต หรือเราอาจจะก้าวไปไม่ทันคนอื่นที่มีการเรียนรู้ พัฒนาตนเองมาอย่างต่อเนื่อง

 

ไม่มีใครแย่งความรู้ไปจากเราได้

คุณอริญญา : อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ โลกที่เราอยู่ตอนนี้ไม่มีใครสามารถ กุม หรือครอบครอง ความรู้ต่างๆ จำกัดไว้แค่ในวงแคบๆ หรือกลุ่มเล็กๆ ได้อีกต่อไป นั่นแปลว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในการก้าวต่อไปในโลกอนาคตจะไม่ใช่คนที่สามารถกุมความรู้ทุกเรื่องไว้ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ไม่หยุดเรียนรู้ ปรับตัวได้เร็ว ประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้อย่างทันท่วงที

ความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปมีคือชอบคิดว่า เรื่องการเรียนรู้ได้ยุติลงเมื่อเราเรียนจบจากมหาวิทยาลัย จากนั้นก็เป็นการหาสารพัดข้ออ้างมาพยายามชี้แจงว่าทำไมตนเองถึงหยุดเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็น ยุ่ง ไม่มีเวลา อยากพักผ่อน เสียดายเงิน ไปจนถึงแก่แล้ว จะไปเรียนก็อายเด็ก และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่จริงๆ แล้วคนเราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ในหลากหลายสถานการณ์ หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน การฟัง การสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือวิธีที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต IT อย่างการเรียนทางออนไลน์และการเล่นอินเตอร์เนต เช่นนี้เป็นต้น

ดังนั้น สิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยให้ความเคยชินครอบงำความคิดของเราเอง อย่าให้ข้ออ้างต่างๆ หรือทันคติที่ไม่ดีมาปิดกั้นการเรียนรู้เพราะมันจะทำให้เราย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหนเสียที จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการเปลี่ยนแปลง คือการเปลี่ยนแนวคิด แม้ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ในทันที แต่การบอกตัวเองอยู่เสมอว่า ฉันจะเปลี่ยนแปลงจะช่วยให้เรามีแรงผลักดัน และอยากจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้ได้

การบอกตัวเองให้พยายามทำในสิ่งใหม่ จะช่วยให้เรากล้าเปลี่ยนแปลงแนวคิดตลอดจนตัวเราเองมากขึ้น นอกจากนั้น เราต้องเชื่อว่ายิ่งเรียนรู้ ยิ่งก้าวหน้า มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ ลองดูว่าถ้าคุณเป็นคนทำงานที่ใฝ่เรียน คุณจะพยายามเรียนรู้ที่จะเพิ่มทักษะในการทำงาน เรียนรู้ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเรียนรู้เพื่อรองรับความก้าวหน้าในอาชีพ

ซึ่งทั้ง 3 ส่วนล้วนแล้วแต่มีสัมพันธ์กับการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น นั่นแปลว่าพวกเขายิ่งจะมีโอกาสที่ได้พิสูจน์ฝีมือ โชว์ความพร้อมสำหรับการได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ หรือการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้นไป และแน่นอนว่าหากสามารถทำได้ทั้ง 3 เรื่องความก้าวหน้าในอาชีพย่อมอยู่ไม่ไกลอย่างแน่นอน

ความรู้ไม่ได้จำกัดอายุ

นอกจากนั้น หากยิ่งเรียนรู้ ยิ่งเป็นผู้ให้ ยิ่งลดอัตตา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการแบ่งปันความรู้นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้จากการเรียนรู้ เพราะโดยธรรมชาติ เมื่อคนเรารู้เรื่องใดก็มักจะถ่ายทอดบอกต่อแก่ผู้คนรอบข้าง ในเชิงภาพใหญ่ยิ่งเป็นการสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กร และการถ่ายทอดความรู้ยังถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ดีในการจะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำ นั่นแปลว่ายิ่งบุคลากรในองค์กรแต่ละคนได้ฝึกฝนเรียนรู้ ก็จะยิ่งถ่ายทอด แบ่งปันความรู้กันมากขึ้น ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งยึดติดว่าตัวเองเป็นคนที่รู้ดีที่สุด

คุณอริญญา : เพราะในความเป็นจริงโลกทุกวันนี้ไม่มีใครสามารถรู้อะไรไปได้หมดทุกเรื่อง เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เรารู้ตอนนี้ก็จะล้าหลังในทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลง นั่นแปลว่าหากองค์กรมีแต่คนที่ชอบเรียนรู้ ก็จะมีการแชร์ข้อมูล สร้างเครือข่าย องค์กรก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นลำดับ

ยิ่งไปกว่านั้น คนเรา จะมีช่วงชีวิตที่มีความสุข มีคุณค่า มีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนๆ ถ้ามีการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพราะการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะช่วยสร้างโอกาสให้คนเราได้ออกแบบอนาคตที่ต้องการ เติมเต็มทุกเป้าหมายของการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์เรื่อง EMPOWER LIVING ที่ SEAC ต้องการจะเดินไปในปีนี้

ที่น่าสังเกตคือ เมื่อพูดถึงเรื่องการลงทุนหลายๆ คนมักจะคิดถึงการลงทุนในทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน ทองคำ หรือจะเป็นการลงทุนในตราสารทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุน หุ้นกู้ ซึ่งผลตอบแทนของการลงทุนในสิ่งเหล่านี้อาจจะน่าพอใจหรือไม่น่าพอใจก็เป็นได้ เพราะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะละเลย คือ การลงทุนในตัวเอง ซึ่งมักจะให้ผลตอบแทนที่แน่นอน คุ้มและยั่งยืนยิ่งกว่า

ไม่ว่าจะเป็น “Warren Buffett” นักลงทุนมือฉกาจระดับโลก ที่ใช้เวลา 80% ในแต่ละวันไปกับการอ่านหนังสือ หรือ “Bill Gates” ผู้สร้างอาณาจักร Microsoft ใช้เวลาอ่านหนังสือจบ 1 เล่มภายใน 1 อาทิตย์ หรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐอย่าง “Barack Obama” ในทุกๆ วันจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงอยู่กับการอ่านหนังสือ สิ่งที่บุคคลระดับโลกเหล่านี้ทำกัน คือการลงทุนกับ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต”

ในโลกที่ความสำเร็จในอดีตไม่สามารถการันตีความสำเร็จในอนาคตได้นั้น ในชีวิตของคนๆ หนึ่ง มีความจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมสำหรับโอกาสใหม่ๆ โลกทุกวันนี้ไม่มีทักษะไหน ที่อยู่คงกระพัน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว Data Scientist ยังมีคนรู้จักน้อยมากด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น มีคนกล่าวไว้ว่าในเวลาที่คุณเรียนจบ รับปริญญา ทักษะหรือความรู้ที่คุณเรียนมาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั้นก็ได้ล่าสมัยไปแล้ว

อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เวลาที่คนต้องการซื้อของอะไรก็ตาม เราต้องมองหาวันผลิตและวันหมดอายุของสินค้าต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่กำลังจะซื้อนั้นเป็นของที่ดี มีคุณภาพ แต่สำหรับคนทั่วไป พวกเราต่างจากสินค้า พวกเราไม่มีตราประทับว่าเมื่อไหร่ที่จะหมดอายุ เมื่อไหร่ที่ความรู้ความสามารถของเราจะไม่เป็นที่ต้องการ ล้าสมัย แล้วเราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าความรู้ ความสามารถของเราจะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคำตอบก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการลงทุนในการเรียนรู้ หรือความรู้ หรือทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา Reskill และ Upskill กันอยู่ตลอด

ตัวเลขด้านความรู้ไม่เคยหลอกเรา

ในเชิงสถิติ จากรายงานของ World Economic Forum บอกว่า 35% ของทักษะหลักจะถูกเปลี่ยนแปลงระหว่างปี 2015 ถึง 2020ในขณะที่กว่า 40% ของพนักงานได้กล่าวว่าพวกเขายังขาดทักษะความชำนาญเฉพาะทางที่จะมาเติมเต็มในตำแหน่งงานที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่

US Bureau of Labor Statistics เผยว่า ในทุก ๆ 5 ปีทักษะที่เรามีจะมีค่าเหลือครึ่งเดียว และด้านผลสำรวจจาก Mckinsey ก็ยืนยันไปในทางเดียวกันว่าภายในปี 2030 แรงงานกว่า 375 ล้านคนจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของตนเองและเสริมทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้สอดรับกับการทำงานในอนาคต จึงไม่แปลกที่ในยุคสมัยนี้เราถึงได้ยินคำว่า Reskill – Upskill อยู่ตลอดเวลา

รายงานดัชนีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงตัวฉุดรั้งที่เด่นชัดและต้องเร่งดำเนินการ คือ การพัฒนาทักษะของคนไทยให้เทียบเท่าระดับสากล เพื่อเป็นพลวัตรสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและประเทศไทยให้ไปข้างหน้า ซึ่งตรงกับเป้าหมายของ SEAC ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและยกระดับความรู้ความสามารถคนไทย รีสกิล (Reskill) และอัพสกิล (Upskill) ให้สามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิตอลดิสรัปชั่น เพิ่มขีดความสามารถประเทศไทยให้ก้าวสู่อันดับต้นของภูมิภาค

โดยในปีที่ผ่านมา SEAC มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของคนไทยกว่า 50,000 คน รวมถึงองค์กรชั้นนำในประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอีกกว่า 250 องค์กร ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งการเงิน การธนาคาร การโทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ FMCG ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจอาหาร ฯลฯ

อริญญา: สำหรับในปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของคนไทย ภายใต้พันธกิจใหม่ EMPOWER LIVING เราเร่งสร้างทักษะ เพิ่มคุณค่าและช่วยตอบโจทย์ทุกเป้าหมายของการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบควบคู่กับการวางกลยุทธ์และโรดแมปในการรุกตลาดการเรียนรู้ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

 

รูปแบบการเรียนที่ไม่ได้จำกัดแค่นักธุรกิจ

หลายคนที่เคยเห็นหลักสูตรของ SEAC มักจะตั้งธงในใจว่าต้องเป็นผู้บริหารชั้นสูง หรือคนในองค์กรธุรกิจชั้นนำเท่านั้น ที่เรียนได้ เพราะเป็นหลักสูตรสำหรับนักบริหาร แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุเท่าไหร่ก็เข้ามาหาความรู้ได้

อริญญา: แน่นอนว่าการบริการในกลุ่มธุรกิจ Organizational and People Transformation นั้นจะเน้นไปที่องค์กรต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งกลุ่มที่เข้ารับบริการมีตั้งแต่เจ้าของธุรกิจไปจนถึงระดับหัวหน้างาน พนักงาน

แต่สำหรับ Workforce Capability Development ที่เราให้บริการผ่าน YourNextU เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วนั้น กลุ่มที่เข้ามาเรียนจะมีทั้งพนักงานองค์กรทั้งที่เป็นในรูปแบบที่องค์กรส่งมาเรียน หรือบางส่วนก็สมัครเข้ามาเรียนเองด้วยความตั้งใจ ไปจนถึงคนที่เป็น freelance เจ้าของธุรกิจ SME ต่างๆ หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานประจำอยู่แล้ว แต่อยาก Reskill อยากมองหาศักยภาพตัวเองในมุมที่ต่างออกไปจากงานประจำที่ทำก็เข้ามาเรียนเยอะเช่นกัน

ซึ่งความตั้งใจของเราคือทำให้ SEAC เป็นคอมมูนิตี้แห่งการเรียนรู้สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกระดับ ใครอยากเรียนรู้ อยากพัฒนาตนเอง มาที่ SEAC คือตอบโจทย์ได้ทั้งหมด

และด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้คนไทยเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตนี้เอง แม้ในสถานการณ์ COVID-19 เช่นในปัจจุบัน ทีมงานของ SEAC ก็ยังสร้างสรรค์ พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ทุกคนยังเรียนรู้ต่อไป ผ่าน Digital Platform

ไม่ว่าจะเป็น Virtual Learning ที่เป็นห้องเรียนเสมือนจริง เน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ไม่ต่างจากตอนมาเข้าห้องเรียน และ Job Survival Pack คอร์สเรียนออนไลน์ที่เราเลือกกลุ่มทักษะที่คนจำเป็นต้องเรียนรู้ ฝึกฝนตั้งแต่วันนี้เพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ ซึ่งในเริ่มต้นเราเปิดอยู่ 4 กลุ่มทักษะ แต่เราจะเพิ่มกลุ่มทักษะนี้อยู่เรื่อยๆ

นอกจากนั้นกลุ่มลูกค้าองค์กรของเราที่ต้องการใช้เวลาช่วง Work From Home นี้พัฒนาความรู้ ความสามารถ เตรียมความพร้อมบุคลากร เราก็ยังทำแพคการเรียนพิเศษแบบเรียนได้ไม่จำกัด รวมทั้งในเรื่องของ Virtual Classroom และ Online Course เข้าด้วยกัน ซึ่งมีวิชาให้เลือกหลากหลาย โดยเนื้อหาทั้งหมดล้วนมาจากพาร์ทเนอร์ของเราที่มากด้วยความชำนาญและประสบการณ์ทั้งสิ้น

 

ปรับหลักสูตรแก้ปัญหา COVID-19

ทาง SEAC ได้มีการเตรียมความพร้อมและป้องกัน COVID-19 ตั้งแต่ช่วงของการระบาดช่วงแรกในไทย เพื่อให้ผู้ที่ต้องมาเรียนที่ Garage มั่นใจได้ว่าทางศูนย์ของเรามีความปลอดภัยและตื่นตัวกับสถานการณ์

แต่เนื่องด้วยขณะนี้เป็นช่วงเฝ้าระวังสถานการณ์อันเป็นเหตุมาจากการระบาดของ COVID-19 ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เราเองก็อยากส่งเสริมให้คน Work from Home รวมถึง Learn from Home ด้วย

ล่าสุด SEAC ได้เปิดตัวนำ Digital Platform และเทคโนโลยี Virtual Learning เข้ามาประยุกต์ใช้ซึ่งเป็นความตั้งใจที่เราต้องการให้การเรียนรู้ของคนไทยไม่หยุดชะงัก แบ่งเป็น 3 รูปแบบคือ

จากสมัยก่อนที่เราเชื่อว่าดิจิทัลจะเข้ามา disrupt การทำงานแบบออฟไลน์ แต่ในปี 2020 นี้ต้องเรียกว่า ดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนการใช้ชีวิตทั้งหมดให้เราต้องปรับตัวเร็วขึ้น ต้องรู้จักการทำงานแบบคอนเฟอร์เรนซ์มากขึ้น ต้องสั่งอาหารแบบออนไลน์มากขึ้น ใช้จ่ายเงินก็ต้องเป็นดิจิทัลแบงกิ้งมากขึ้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้คงไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้

ดังนั้น สิ่งที่ SEAC เตรียมสำหรับคนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นปรับตัวเข้าสู่ออนไลน์อย่างไรนั้น สามารถเข้ามาเรียนรู้ผ่าน 4 แพคเกจเบื้องต้นที่เราคัดสรรมา เพื่อยกระดับความรู้ความสามารถไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เพียงใช้เวลาวันละไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็สามารถเข้าถึงความรู้ใหม่ๆ ผ่านวิทยากรระดับโลกได้แล้ว

ความพิเศษของหลักสูตร Job Survival Pack นี้คือ เน้นทักษะจำเป็นที่จะพาคุณไปได้ไกลกว่าเดิมผ่านการเรียนออนไลน์ที่มีเนื้อหามาจากสถาบันที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล มีซับไตเติ้ลภาษาไทยกำกับ โดยเราดีไซน์หลักสูตรออกเบื้องต้น 4 หลักสูตร พร้อมกับโปรโมชั่นสุดคุ้มเพียง 499 บาท ต่อเดือน ต่อหนึ่งกลุ่มทักษะ อาทิ

รายละเอียดของแต่ละคอร์ส

หลังจากผ่านสถานการณ์นี้ไปแล้ว เชื่อว่าพฤติกรรมของคนจะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้านความรู้จะช่วยให้คนที่เชื่อมั่นการขายแบบออฟไลน์ จะปรับตัวขายแบบออนไลน์ได้ดีขึ้น และเข้าใจพฤติกรรมของคนออนไลน์ได้ดีกว่าเดิม

หลักสูตร Data Analytics

เพื่อให้คุณสามารถรวบรวมข้อมูล คัดเลือกข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ รวมทั้งเกิดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาธุรกิจและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

เนื้อหาประกอบด้วย

หลักสูตร Digital Marketing

เทคนิคการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดจากแผนการใช้จ่ายดิจิทัล พัฒนาแคมเปญดิจิทัล รวมทั้งสร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ

เนื้อหาประกอบด้วย

หลักสูตร Creative

เพราะความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ และจะมาสอนเทคนิคที่ใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ทลายกรอบความคิดแบบเดิมๆ และค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์

เนื้อหาประกอบด้วย

หลักสูตร Sales

ติดสปีดการเติบโตของคุณ ด้วยการเรียนรู้วิธีการสื่อสารในหลายช่องทางและการให้บริการลูกค้าในกลยุทธ์ที่ต่อเนื่อง ดึงดูดให้คนอยากไปที่ร้านค้าหรือเว็บไซต์ของคุณ ไปจนถึงเปลี่ยนผู้ที่พบเห็นมาเป็นลูกค้า เพื่อช่วยเพิ่มลูกค้าและยอดขายได้อย่างคาดไม่ถึง

เนื้อหาประกอบด้วย

เนื่องจากพฤติกรรมของคนไทยหลังสิ้นสุดภาวะวิกฤตแล้ว จะคุ้นเคยกับการใช้งานออนไลน์มากขึ้น พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทำให้การรับมือของเจ้าของธุรกิจ หรือพนักงานงาน จะไม่เหมือนเดิม ต้องเรียนรู้มากขึ้น ดึงดูดให้เขาอยากกลับมาหาเราอีกครั้ง

เมื่อกลับมาสู่สถานการณ์แบบปกติ การค้าขายจะใช้แบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะเกิดวิถีชีวิตแบบใหม่ ถ้าวันนี้ยังไม่ปรับตัวและใช้การทำงานแบบเดิมยิ่งขายไม่ได้แน่ ถือว่าเป็นวิกฤตที่ต้องเร่งปรับตัว

บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตในทุกช่วงวัยจะนำมาสู่ชีวิตที่มีความสุข มีคุณค่ามีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ เราจึงเดินหน้าเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจเพื่อการเรียนรู้ของคนไทย

ทาง SEAC เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปช่วยพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถของคนไทยและองค์กรไทยอีกกว่า 100,000 คน ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดำเนินการตามพันธกิจ EMPOWER LIVING พัฒนาและยกระดับความรู้ความสามารถคนไทยให้สามารถก้าวทันความเปลี่ยนแปลง สร้างโอกาสให้คนไทยได้เติมเต็มทุกเป้าหมายของการใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สำหรับคนที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียด ได้ที่ www.yournextu.com หรือเบอร์โทร 06-1420-5959 และติดตามแคมเปญที่แฟนเพจของ SEAC และ YournextU ได้ด้วย

 

บทความนี้เป็น Advertorial