อ่านบทความของ Wall Street Journal วันก่อนแล้วก็ต้องอมยิ้มเบาๆ ครับ เพราะนักข่าวของเขาช่างสังเกตดี ในบทความดังกล่าวบอกว่าการจะสร้างแบรนด์ออนไลน์อะไรสักอย่างหนึ่งมันจะเกิดง่ายขึ้นถ้าหากว่าใช้ “โลโก้รูปสัตว์” กรุยทาง เพราะอะไร มาติดตามกันครับ
ลองนับๆ กันไป ก็มีหลายบริษัทเลยที่ใช้โลโก้รูปสัตว์แล้วแจ้งเกิด ไม่ว่าจะเป็น Softbank ก็ใช้น้องหมา Otosan, Xiaomi ก็ใช้ Mi Bunny, Tencent ก็ใช้นกเพนกวิน QQ ส่วนทางฟากฝั่งตะวันตก Twitter ก็ใช้นกสีฟ้า, MailChimp ก็ใช้ลิงชิมแปนซี, Zynga ก็ใช้รูปหมา, Linux ใช้นกเพนกวิน, Mozilla ผู้ทำ FireFox Browser ก็มีเจ้าจิ้งจอกไฟ, ทางแอปหาตั๋วเครื่องบินดังๆ อย่าง Hipmunk ก็ใช้ตัว Chipmunk, TaskRabbit ก็ใช้กระต่าย
นี่ยังเป็นแค่ส่วนเดียวนะครับ ยังมีอีกเยอะเหมือนกัน
ในข่าวชิ้นนี้ยังบอกอีกครับว่าที่มาที่ไปอาจเป็นเพราะมนุษย์เรามีระบบความเชื่อเรื่อง 12 นักษัตร ซึ่งช่วยให้คาแรกเตอร์ของสัตว์อย่าง เสือ มังกร และแกะติดลมบนได้ง่ายอยู่แล้ว อาจจะมีมุมมองแตกต่างกันในเชิงวัฒนธรรมตะวันตก และตะวันออกอยู่บ้าง เช่น “เต่า” คนตะวันออกอาจจะมองว่าอายุยืน แต่ตะวันตกบอกว่าช้า หรือ “มังกร” คนตะวันออกอาจมองถึงโชคลาภ แต่คนตะวันตกกลับมองเป็นความชั่วร้ายก็มี
หลายคนอาจจะเถียงว่าบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ อาจจะใช้ “รูปคน” แทนบริษัทก็ได้ เพราะบางบริษัทก็ใช้รูปคนในอดีต แต่นักวิชาการต่างๆ ก็ระบุว่ารูปคนก็ยังสู้รูปสัตว์ไม่ได้อยู่ดี เพราะเหตุผลง่ายๆ ก็คือรูปสัตว์นั้นอบอุ่น และดูเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกไม่เป็นทางการ และไม่เหมือนว่าบริษัทเทคโนโลยีนั้นๆ จะมาทำธุรกิจกับผู้บริโภคมากจนเกินไป
ผมลองสังเกตดูว่าเมืองไทยของเราเป็นแบบนี้หรือเปล่าปรากฏว่ามันก็พอๆ กันกับข่าวนี้ครับ แต่บ้านเราอาจจะเป็นภาพการ์ตูนธรรมดาๆ มากกว่า เช่น Dek-D ก็เป็นการ์ตูนรูปเด็ก, AIS ก็เป็นน้องอุ่นใจ, Pantip เป็นน้องพาพัน, ส่วนรูปสัตว์ก็มีบ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไร หรือผมตกหล่นสัตว์ตัวไหนไปบ้าง เขียนมาด้านล่างนี้ได้เลยครับ 🙂