การใช้เงินไปกับการลงทุน SEO นั้นต้องคิดอยู่หลายตลบ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วแบรนด์ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลายๆ บริษัทก็ยังคงตั้งคำถามว่าเหมาะสมกับงบประมาณการตลาดโดยรวมของพวกเขาอย่างไรด้วย
SEO ไม่ใช่การโฆษณาเพียงอย่างเดียว บริษัทส่วนใหญ่มีงบประมาณการตลาดโดยรวม และจนกว่า SEO จะถูกพิจารณาว่าเป็นฟังก์ชันนึง “การตลาด” แล้ว เราจะไม่รับรู้ถึงงบประมาณที่จำเป็นและจำเป็นในการทำสิ่งนี้
ถ้าให้กล่าวง่ายๆ คือ SEO คือกระบวนการสร้างตัวตนบนเว็บธุรกิจของแบรนด์เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้า กระบวนการเหล่านี้อาจเริ่มต้นด้วยการค้นหา keyword ต่อด้วยการตั้งคำถามว่า
- เราต้องการวางตำแหน่งธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการของบริษัทอย่างไร?
- คีย์เวิร์ดไหนทำงานได้ดีที่สุด
- เราจะสร้างหน้า/เนื้อหาใหม่ในเว็บไซต์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าที่ดีขึ้นและเพิ่มการค้นหาแบบออร์แกนิกได้อย่างไร
- เราจะโปรโมตเนื้อหาข้ามช่องทางได้อย่างไร
องค์ประกอบทางเทคนิคของการมีส่วนร่วมกับ SEO จะเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบทางเทคนิคบ่อยครั้ง ซึ่งองค์ประกอบทางเทคนิคที่ควรมีอยู่ใน SEO อาจรวมถึง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บแสดงอย่างถูกต้องในหลายๆแพลตฟอร์ม
- ตรวจสอบ URL ว่าโครงสร้างนั้นสอดคล้องกับคียเวิร์ดหรือไม่
- การใช้งานจาวาสคริปต์
และนอกจากนั้น ยังมีปลั๊กอินมากมายที่สามารถช่วยให้คุณตรวจสอบสิ่งต่างๆ ได้
บ่อยครั้งที่ SEO คือ ‘การตลาด’ อย่างแท้จริง
Google มักจัดกลุ่มคีย์เวิร์ดดังนี้:
ผลลัพธ์ที่ให้ข้อมูล (แบรนด์อาจจำเป็นต้องสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์หรือโพสต์บล็อกเพื่อตอบคำถามที่ผู้ค้นหาอาจถาม)
การทำธุรกรรม (การตอบโจทย์ผู้คนที่ต้องการซื้อของบางอย่าง ซึ่งหน้าเว็บของแบรนด์ต้องให้ข้อมูลที่เพียงพอ)
ผลลัพธ์ทางการค้า (ผู้คนเหล่านี้กำลังค้นหาแบรนด์และบริการ ต้องคิดว่าแบรนด์มีหน้าหมวดหมู่ที่แข็งแกร่งหรือไม่)
เมื่อใช้ Google Analytics หรือเครื่องมือและการวัดผลอื่นๆ เราจะปรับความพยายามของเราให้เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายเฉพาะที่เรากำลังพยายามทำให้สำเร็จ แต่สิ่งที่จะขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของ SEO มากกว่าสิ่งอื่นใดคือแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับเนื้อหาและการช่วยให้ลูกค้าเจอตำแหน่งเว็บไซต์ของแบรนด์ได้ดีขึ้น