ไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป และสำหรับในกลุ่มคนเมืองยุคใหม่แล้ว ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา พบว่า พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของพวกเขานั้นยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม และไม่เป็นไปตามแบบแผนเหมือนอย่างแต่ก่อน โดยข้อจำกัดและเงื่อนไขด้านเวลา ไม่ว่าจะเป็นแต่เช้าตรู่ หรือดึกดื่นแค่ไหน ก็ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคของชีวิตอีกต่อไป ซึ่งได้กลายมาเป็นวิถีคนเมือง “สังคมคนนอนดึก” (Sleepless Society) ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
“จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า สังคมคนนอนดึกมีผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ธุรกิจร้านอาหาร เพราะความหิวไม่เลือกช่วงเวลา! เพราะความหิวรอไม่ได้! และเพื่อรองรับความต้องการและฐานผู้บริโภคที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ ในฐานะเจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่น (KING OF JAPANESE FOOD) จึงได้มีการเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์การตลาด ในแกนของการขยายพื้นที่ให้บริการ และการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง (Store Expansion) ควบคู่ไปกับการเปิดตัวรูปแบบโมเดลธุรกิจใหม่ ซึ่งได้แก่ ชาบูชิ บริการทั้งวันทั้งคืน ตลอด 24 ชั่วโมง สาขาแรกในไทย ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เรื่องเวลา และการใช้ชีวิตได้ยืดหยุ่นแบบไม่มีข้อจำกัด สำหรับกลุ่มคนเมืองยุคใหม่โดยเฉพาะ” ไพศาล กล่าว
สำหรับ ชาบูชิ สาขาใหม่ล่าสุด สามย่านมิตรทาวน์ (ซึ่งเป็นสาขาลำดับที่ 149) นับเป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการทั้งกลางวัน-กลางคืน ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมส่งมอบประสบการณ์อาหารญี่ปุ่น ผ่านสองความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นยอดนิยม ทั้งชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟ และซูชิ ข้าวปั้นสารพัดหน้า โดยเปิดให้บริการรองรับความต้องการของนักกิน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเวลาปกติ : เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. (ค่าบริการสุทธิ 419 บาท) ต่อเนื่องที่ ขยายเวลาให้บริการเพิ่มเติม : เริ่มตั้งแต่เวลา 22.01 – 09.59 น. (ค่าบริการสุทธิ 319 บาท) พิเศษสุดคุ้ม !!! กับโปรโมชั่น “HAPPY HOUR BUFFET” 299.- อิ่มอร่อยได้ไม่อั้นกับสารพัดเมนูชาบู-ชาบู หมูสไลซ์ เนื้อสไลซ์ ไก่ กุ้ง หมึก ฯลฯ ในราคาพิเศษ เพียง 299 บาท (จากปกติ 319 บาท) เมื่อใช้บริการ ระหว่างเวลา 22.01 – 09.59 น. ภายในสิ้นปี หรือวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น
อนึ่ง ชาบูชิ ถือเป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือโออิชิที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถสร้างการเติบโตทั้งรายได้และกำไรได้อย่างน่าพึงพอใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแผนกลยุทธ์การตลาด 3 ด้าน ประกอบด้วย (1) Driving Organic Growth : มุ่งเน้นสร้างคุณค่าของสินค้าและบริการ เพื่อการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน (2) Driving Operational Excellence : มุ่งเน้นพัฒนากระบวนการทำงานภายในด้านต่าง ๆ และการวางระบบควบคุมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า และ (3) Store Expansion : มุ่งเน้นขยายพื้นที่ให้บริการ/สาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ
“ที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าผู้ใช้บริการ สำหรับโมเดล ชาบูชิ “24 ชั่วโมง” นี้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่น่าต่อยอดอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี การขยายพื้นที่ให้บริการและการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการพัฒนาต่อยอดรูปแบบบริการ ถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการ “มุ่งสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า” มาโดยตลอด อันเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ผู้นำอันดับ 1 ตลาดชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น ของ ชาบูชิ ได้เป็นอย่างดี” ไพศาล กล่าวปิดท้าย