ครบรอบ 1 ปีแล้วสำหรับสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต พรีเมียมเอาท์เลตที่รวมสินค้าแบรนด์เนมและคนมีกำลังซื้อ แม้จะเจอภาวะโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ก็ยังพยายามหาทางรอดให้ธุรกิจสินค้าแฟชั่นได้อยู่รอดท่ามกลางปัญหาหนักที่ไม่มีคนจับจ่ายมากเท่าที่คาดหวัง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะพยุงรายได้ให้มีต่อเนื่อง
ไมเคิ้ล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เผยว่า “ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาโครงการ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้ง รองรับนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการขับเคลื่อนธุรกิจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แม้ปัจจัยแวดล้อมภายนอกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ แต่ถือเป็นปีที่บริษัทได้เรียนรู้ ปรับตัว วางแนวทางการทำงานสร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ยังเดินหน้าต่อได้ ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ อาทิ การเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักช้อปในการซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา
การโฟกัสทำตลาดกับลูกค้าคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยมีการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ อีกทั้งเคร่งครัดในการทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการตรวจสุขภาพพนักงานเป็นระยะ สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีนโควิด-19 และการคัดกรองพนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจเมื่อมาช้อปปิ้ง เป็นการปรับตัวฝ่าวิกฤตโควิด ดึงดูดผู้ใช้บริการกว่า 2 ล้านคน
สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น แต่การปรับตัวของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ทำให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำรวมเป็น 125 ร้านดัง คิดเป็น 91% ของพื้นที่ (ข้อมูลถึงมิถุนายน 2564) สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิง 65% และผู้ชาย 35% ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงวัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งและศักยภาพในการดึงดูดนักช้อปและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์ดังระดับโลกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 1,500 บาทต่อคน ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจและเหนือความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมุ่งมั่นทำตลาดเจาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อภายในประเทศ ในทางกลับกันหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ คาดว่ายอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มสูงขึ้นมาก
ปี 2564 นี้เป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์โรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำ 1-2% และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโต 10-15% กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ต้องวางกลยุทธ์การตลาด เพื่อรองรับผู้ใช้บริการทั้งที่เข้ามาจับจ่ายที่ศูนย์และสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่าง ๆ โดยจัดโปรโมชั่นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลัก 95% และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย 5%
ไมเคิ้ล ถัง กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในโอกาสที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดให้บริการมาครบ 1 ปีเต็ม เรายังคงเดินหน้านำเสนอสินค้าและบริการระดับโลกมาตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งปี 2564 นี้ ลูกค้าจะเห็นความตื่นตาตื่นใจกับสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นสุดหรู ไลฟ์สไตล์แบรนด์ สินค้าแฟชั่น สินค้าเด็ก ที่จะเข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มเติม
ในปี 2564 นี้ มีร้านดังที่ทยอยเปิด ได้แก่ รีบอค (Reebok) สินค้าหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกการออกกำลังกาย, แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สมาร์ทแคชชวลของสุภาพบุรุษ บราวน์ แอนด์ โค (Browne & Co.), แบรนด์แฟชั่นสุภาพบุรุษ ยู บาย อุงกาโร (U by Ungaro) และ ปิแอร์ การ์แดง (Pierre Cardin), แบรนด์ชุดนอนผ้าเยื่อไม้ไผ่แท้ วินเทล (Vintel), แบรนด์ชุดนอน ชุดอยู่บ้าน ลิขสิทธิ์แท้ โจศิรินส์ (Josilins), ร้านของเล่นเด็ก ๆ สำหรับคุณหนู อัลฟ่าคิด (Alphakid) และแบรนด์ดังที่จะเปิดเพิ่มครึ่งปีหลัง ได้แก่ แบรนด์กระเป๋าถือ แบรนด์ดังจากฝรั่งเศส ลองฌองป์ (Longchamp) ซึ่งจะเปิด Exclusive Outlet แห่งแรกที่ สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงร้านรองเท้าแบรนด์ยอดนิยมอย่าง เอคโค่ (Ecco)
นอกจากนี้ เพื่อสร้างสีสันให้แก่การช้อปปิ้ง เรายังมีร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) ที่หมุนเวียนมาเปิด เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ศูนย์ฯ และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์สำหรับวัยรุ่นวัยทำงานอย่าง โพเมโล (Pomelo) เปิดร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) โดยใช้พื้นที่กว่า 500 ตรม., ลัช (Lush) ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์ดังจากอังกฤษ ซึ่งเปิดให้บริการเป็นที่แรกที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ
ทั้งนี้ ยังมีแบรนด์รองเท้าอย่าง ไนน์ เวสท์ (Nine West), สตีฟ แมดเด้น (Steve Madden) แอร์วอร์ค (Airwalk) และเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โยกิโบ (Yogibo) กลยุทธ์ใหม่เพื่อการช้อปอย่างปลอดภัยและมั่นใจ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในยุค New Normal
นอกจากนี้ กลยุทธ์การบุกตลาด สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ปรับตัวให้สอดคล้องวิถีปกติใหม่หรือ New Normal จึงพัฒนาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์อย่างต่อเนื่อง นำสินค้าและบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ที่
- เว็บไซต์ www.siampremiumoutlets.com
- โซเชียลคอมเมิร์ซผ่าน Facebook: facebook.com/SiamPremiumOutletsBangkok
- อินสตาแกรม : Instagram.com/siampremiumoutletsbangkok
- บริการ CHAT&SHOP บนไลน์ออฟฟิเชี่ยล : @siampremiumoutlets
ซึ่งคาดว่าบริการนี้จะสามารถช่วยให้ร้านค้าต่าง ๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10-30% การก้าวสู่ปีที่ 2 ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เรายังไม่หยุดพัฒนาในการสรรหาสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ระดับเวิลด์คลาส และอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ เข้ามาเพิ่มความหลากหลาย การหาพันธมิตรใหม่ ๆ มาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งให้แก่ลูกค้า
โดยมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์สู่ออนไลน์ ไม่เพียงรองรับยุคดิจิทัล แต่ยังเป็นการรับวิถีชีวิตใหม่ของผู้บริโภค เดินหน้าสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาด จัดโปรโมชั่นที่โดนใจ ทั้งหมดเพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้แก่กลุ่มเป้าหมายทุกคน
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัย ความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าเมื่อเข้ามาช้อปปิ้งที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เราจึงมีนโยบายตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการอย่างเข้มข้น มีบริการ แอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือ มาตรการรักษาระยะห่าง ดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ดูแลสุขอนามัยของพนักงานทุกภาคส่วน และทำความสะอาดเป็นพิเศษในพื้นที่สาธารณะ เช่น บริเวณส่วนกลางต่าง ๆ รวมไปถึงการให้พนักงานมีการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีนโควิด-19 และการคัดกรองพนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น ฯลฯ
ฉลองครบรอบ 1 ปีด้วยโปรโมชั่นพิเศษกับแคมเปญ “FIRST ANNIVERSARY”